Skip to main content
sharethis

สุภิญญาเผยมติที่ประชุม กสท. 3:1 สั่งพักรายการ "เวคอัพนิวส์" ของวอยซ์ทีวี 7 วัน ตามเงื่อนไข MoU ด้านวอยซ์ทีวีแถลงรับมติ กสท. ผู้ดำเนินรายการแจงรายการไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ตั้งข้อสังเกตมีทหารที่ประชุมอนุเนื้อหา ขณะใน change.org มีผู้ล่าชื่อเรียกร้องให้ กสท.หยุดแทรกแซงการนำเสนอเนื้อหาของวอยซ์ทีวี

29 ส.ค. 2559 ความคืบหน้ากรณีคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช. เสนอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีคำสั่งให้ระงับการออกอากาศ Wake Up News เป็นเวลา 7 วัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) โดย ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ Wake Up News เล่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สาเหตุของวาระพิจารณาดังกล่าวมาจากการอ่านข่าวสี่ชิ้น ชิ้นแรกคือโพสต์เฟซบุ๊กของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล กรณี ไผ่ ดาวดิน, ชิ้นที่สองคือคำสัมภาษณ์เรื่องระเบิดใต้ของ ผศ.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี, ชิ้นที่สามคืออ่านพาดหัว Bangkok Post/ Nation 15-17 สิงหาคม และชิ้นที่สี่คือรายงานเรื่องวันชัยและไพบูลย์พูดเรื่องนายกฯ คนนอกอย่างไร โดยศิโรตม์เองมองว่า Wake Up News ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และรายการได้นำเสนอความเห็นของรัฐบาลและรัฐมนตรีประกอบทุกข่าวโดยให้สัดส่วนมากกว่าอย่างเคร่งครัด และไม่ได้นำเสนอเนื้อหาด้านเดียวอย่างที่ กสท.บางรายเข้าใจ พร้อมเล่าด้วยว่า ในการไปชี้แจงกับกับคณะอนุกรรมการครั้งล่าสุด เป็นครั้งแรกที่มีทหารนั่งหัวโต๊ะ โดยประธานที่ประชุมแจ้งว่าเป็นรองหัวหน้าคณะทำงานสื่อของ คสช.

ล่าสุด สุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในกรรมการ กสท. และ กรรมการ กสทช. เล่าถึงมติที่ประชุม กสท. ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า มติ กสท.วันนี้ 3:1 ฝ่ายข้างมากเห็นชอบตามความเห็นอนุกรรมการด้านเนื้อหาที่สั่งให้พักรายการ Wake Up News 7 วัน ส่วนตนเองนั้นเห็นต่าง

"บทลงโทษแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อนกับช่องไหน เป็นครั้งแรกที่ กสท.สั่งพักรายการ 7 วัน ตามเงื่อนไข MoU กับ @Voice_TV แต่ก็ต่างจากคราว PeaceTV" สุภิญญา ระบุ

โดยสุภิญญาระบุว่า สาเหตุที่ตนเองเห็นต่างเพราะ 1.สำนักงาน กสทช.ไม่ได้เสนอคำชี้แจงฉบับเต็มของช่องให้ กสท.พิจารณาด้วย 2. ความสับสนเรื่องฐานกฎหมายกับบทลงโทษ 3.เนื้อหาไม่แรงขนาดนั้น

"จุดอ่อนรายการ WakeUpNews คือการเล่าข่าวที่ใส่ความเห็นส่วนตัวในข่าว จนดูเลือกข้างชัด แต่ยังไม่ขัดความมั่นคงของรัฐหรือศีลธรรมอันดี" สุภิญญากล่าวและว่า ในขณะที่ กสท.เสียงข้างมากอาจมองว่าการเล่าข่าวดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของรัฐหรือศีลธรรมอันดีตาม MoU จุดนี้ที่เราเห็นต่างกัน

"ความคิดเห็นที่รัฐอาจไม่ชอบ ไม่ได้หมายความต้องเป็นความคิดเห็นที่ผิดกฎหมายเสมอไป กสทช.ต้องใช้ดุลยพินิจว่าเนื้อหาใดขัดต่อกฎหมาย เป็นบรรทัดฐาน" สุภิญญากล่าว พร้อมชี้ว่า จากนี้ก็อยู่ที่ท่าทีของช่องว่าจะอย่างไรต่อไป จะยอมพักรายการหรือใช้สิทธิฟ้องศาลปกครอง ทั้งนี้ แม้คำสั่ง มาตรา 44 จะป้องกันไม่ให้ กสท.เสียงข้างมากถูกฟ้องอาญาและแพ่ง แต่ช่องที่ได้รับผลกระทบยังสามารถฟ้องคำสั่ง กสท.ไปที่ศาลปกครองได้ตามสิทธิ

ด้าน วอยซ์ ทีวี ออกแถลงการณ์ ยอมรับมติ กสท. ปรับปรุงรายการ Wake Up News เป็นเวลา 7 วัน 

"ตามที่ กสทช.มีการพิจารณาให้ปรับปรุงรายการ Wake Up News เป็นเวลา 7 วันดังที่ทราบเป็นข่าวไปแล้วนั้น บริษัทฯขอเรียนว่า บริษัทฯให้ความสำคัญเรื่องการกำกับดูแลกิจการสื่อโดย กสทช. รวมทั้งการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นต่างๆ เพื่อปรับปรุงรายการให้สอดคล้องกับสถานการณ์เสมอมา

"อย่างไรก็ตาม การให้ปรับผังและปรับปรุงรายการ Wake Up News 7 วัน ล่าสุดในครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นในบรรยากาศของการหารือเพื่อเป็นตามคำแนะนำและดุลพินิจของ กสทช. บนพื้นฐานการใช้อำนาจที่ กสทช.เชื่อว่ามีอำนาจกระทำได้ ทั้งนี้แม้บริษัทฯอาจมีความเห็นหลายประเด็นที่ต่างกันกับ กสทช. แต่ยังมีจุดร่วมคือยืนยันบนหลักการที่ว่า บริษัทฯมีสิทธิและเสรีภาพที่จะนำเสนอข่าวสารและการวิเคราะห์ข่าวอย่างมืออาชีพและเป็นกลาง สร้างสรรค์ต่อไป

"บริษัทฯ ยินดีรับฟังความเห็นที่แตกต่าง น้อมรับคำติชมที่เป็นธรรมจากทุกภาคสังคม และยืนยันที่จะยึดมั่นในหลักการของการเป็นสื่อสารมวลชนที่ดี รักษาจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด พร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชนอย่างมืออาชีพต่อไป" วอยซ์ทีวี ระบุ

วันเดียวกัน มีการล่ารายชื่อผ่าน change.org เรียกร้องให้ กสท.หยุดแทรกแซงการนำเสนอเนื้อหาของวอยซ์ทีวี โดยณรรธราวุธ เมืองสุข

แคมเปญระบุว่า "การกระทำของ กสท. เข้าข่ายการแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างรุนแรง เพราะเนื้อหาที่นำเสนอ เป็นไปตามข้อเท็จจริงและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ กับความมั่นคง เป็นเพียงความเห็นของคนๆ หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหาก กสท.ยังกระทำเช่นนี้ ย่อมเป็นมาตรฐานว่า ต่อไปสื่อมวลชนไทยจะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมชี้นำของ กสท.ทั้งหมด การนำเสนอข้อเท็จจริง และความเห็น ย่อมไม่อาจเป็นไปอย่างอิสระ เที่ยงตรง และมุ่งต่อประโยชน์ของประชาชน แต่ต้องเกิดจากการอนุญาตโดย กสท.เท่านั้น

"จึงขอเรียกร้องให้ กสท.ยุติการแทรกแซง Voice TV อย่างไม่เป็นธรรมและไร้เหตุผล การมุ่งแทรกแซงการนำเสนอเนื้อหารายการของ Voice TV ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ใดๆ และไม่สร้างสรรค์อย่างยิ่ง และอาจทำให้องค์กรอย่าง กสท.หรือ กสทช.ขาดความเชื่อถือจากประชาชนในระยะยาว" 

 

 

Wake Up News ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และการรายงานข่าวจากทุกฝ่ายไม่ควรถูกกล่าวหาว่าผิดจริยธรรม
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ทวิตเตอร์ของ กสท.สุภิญญา เปิดเผยว่าวันนี้มีวาระพักรายการ Wake Up News 7 วัน โดยอ้างว่าขัดคำสั่งหัวหน้าคสช.และกฎหมาย กสทช. ข้อหานี้หมายความว่ารายการนี้จะถูกลงโทษเพราะมีเนื้อหาทำลายศีลธรรมของสังคม ต่อต้านเจ้าหน้าที่ หมิ่นประมาท ทำให้ประชาชนหวาดกลัว ฯลฯ จึงขอให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงว่าเราไม่ได้นำเสนอเนิอหาที่ี่ขัดศีลธรรม ให้ข้อมูลด้านเดียว หรือผิดจริยธรรมสื่ออย่างแน่นอน

คณะอนุกรรมการเนื้อหาเชิญรายการไปชี้แจงในวันจันทร์ที่ 22 หัวข้อที่คณะอนุกรรมการให้ชี้แจงมีสามเรื่อง เรื่องแรกคือข่าว "ไผ่ ดาวดิน" เรื่องที่สองคือข่าวระเบิดเจ็ดจังหวัดภาคใต้ และเรื่องที่สามคือข่าว สนช.ผลักดันให้ ส.ว.มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ

แม้เราจะถูก “เชิญ” ไปชี้แจงในคณะอนุกรรมการระดับทุกสองสัปดาห์ แต่การประชุมวันนั้นเป็นครั้งแรกที่มีทหารนั่งหัวโต๊ะ ประธานที่ประชุมแจ้งว่าเป็นรองหัวหน้าคณะทำงานสื่อของ คสช.

สำหรับท่านที่ไม่มีเวลา สรุปสั้นๆ ว่ารายการ Wake Up News ข้อหารุนแรงถึงขั้นเตรียมพักรายการเจ็ดวันจากการอ่านข่าวสี่ชิ้นครับ ชิ้นแรกคือโพสต์เฟซบุ๊กของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล กรณี ไผ่ ดาวดิน, ชิ้นที่สองคือคำสัมภาษณ์เรื่องระเบิดใต้ของ ผ.ศ.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี, ชิ้นที่สามคืออ่านพาดหัว Bangkok Post/ Nation 15-17 สิงหาคม และชิ้นที่สี่คือรายงานเรื่องคุณวันชัยและไพบูลย์พูดเรื่องนายกคนนอกอย่างไร

เนื้อหาในรายการส่วนที่ กสท.กำลังพิจารณาล้วนเป็นเนื้อหาที่ปรากฏในสื่ออื่นมาแล้ว เมื่อการเผยแพร่เนื้อหาเดียวกันเกิดไปแล้วในสื่ออื่น และไม่มีเจ้าหน้าที่บอกว่าเนื้อหาดังกล่าวกระทบความมั่นคง การที่ Wake Up News โดนกล่าวหาว่าก่อความไม่สงบ ทำลายศีลธรรม ขัดขวางฝ่ายบ้านเมือง ฯลฯ เข้าข่ายเป็นเรื่องผิดปกติพอสมควร

อนึ่ง เนื่องจากการประชุมมักดำเนินไปในรูปแบบที่คณะอนุเสนอเนื้อหาส่วนที่มองว่ามีปัญหาเข้าที่ประชุม แต่คณะกรรมการชุดใหญ่พึงตรวจสอบเนื้อหารายการทั้งหมดที่ออกอากาศในแต่ละวันด้วย ไม่อย่างนั้นก็อาจถูกชี้นำโดยหลักฐานที่นำเสนอเฉพาะส่วนจนเห็นตามว่ารายการให้ข้อมูลด้านเดียวครับ เพราะรายการนำเสนอความเห็นของรัฐบาลและรัฐมนตรีประกอบทุกข่าวโดยให้สัดส่วนมากกว่าอย่างเคร่งครัด และไม่ได้นำเสนอเนื้อหาด้านเดียวอย่างที่ กสท.บางท่านเข้าใจแน่นอน

กรณีข่าวไผ่ดาวดิน

สถานการณ์ขณะนั้นคือมีการอดอาหารในเรือนจำ สื่อรายงานเรืองนี้อย่างกว้างขวาง เนื้อหาในรายการเรื่องนี้มีสามส่วน ส่วนแรกคือเสียงของพลเอกประวิตรในฐานะรองนายกที่บอกว่าไผ่ถูกจับเพราะทำผิดกฎหมาย ส่วนที่สองคือเสียงของพลเอกไพบูลย์ที่บอกว่าไผ่ไม่ได้อดอาหารจริงเพราะกินขนม และส่วนที่สามคือโพสท์เฟซบุ๊คของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ว่าไม่ควรมีใครติดคุกเพราะความเห็นต่าง

ส่วนที่คณะอนุซักถามรายการคือส่วนของข้อความวรรณสิงห์ คณะอนุบอกว่าข้อความวรรณสิงห์ทำให้คนเห็นใจนักศึกษามากเกินไป ทำให้คนมองว่า คสช.ใจดำ รวมทั้งระบุว่ารายการไม่ให้ความเป็นธรรมเพราะไม่ยอมบอกว่าไผ่ดาวดินทำอะไรผิด รวมทั้งไม่ได้อดอาหารจริงๆ

รูปแบบในการประชุมคือนำเสนอคลิปช่วงอ่านข้อความวรรณสิงห์เข้าที่ประชุม แต่ไม่ได้เสนอช่วงที่รายการปล่อยเสียงรองนายกรัฐมนตรีและพลเอกไพบูลย์ประกบ ทำให้ข้อมูลที่เข้าที่ประชุมมีแต่การอ่านโพสท์วรรณสิงห์ และนำไปสู่การสรุปต่อว่ารายการให้ข้อมูลด้านเดียว ทั้งที่เนื้อหาที่พลเอกประวิตรและพลเอกไพบูลย์นั้นได้นำเสนอไปในช่วงก่อนแล้ว

คำถามคือตรงไหนในโพสท์วรรณสิงห์ที่ทำลายศีลธรรมและขัดขวางบ้านเมือง?

กรณีข่าวระเบิดเจ็ดจังหวัดภาคใต้

ประเด็นที่สังคมสนใจคือใครเป็นมือระเบิด รัฐบาลให้ข่าววันเสาร์-จันทร์ ว่าเป็นกลุ่มการเมือง แต่สื่อและนักวิชาการเริ่มบอกว่าน่าจะเป็นกลุ่ม BRN รวมทั้งหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ก็เชื่อมโยงกับกลุ่มชายแดนใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ทิศทางข่าวในสื่อแทบทุกที่จึงเป็นเรื่องใครวางระเบิดเหมือนกัน

ส่วนที่คณะอนุซักถามคือคำสัมภาษณ์ ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ด้านอาชญวิทยา ม.รังสิต ซึ่งตอนหนึ่งระบุว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็น BRN และระบุว่ารัฐบาลให้ข่าวว่าระเบิดเกิดจากกลุ่มการเมืองเร็วเกินไป , คำสัมภาษณ์ของ ผ.ศ.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี ซึ่งระบุว่าดูจากหลักฐานและพฤติกรรมแวดล้อมแล้วระเบิดไม่น่าจะเกิดจากกลุ่มเสื้อแดง และข่าวจากหน้า ๑ Bangkok Post และ Nation วันที่ 15-18 สิงหาคม ที่บอกว่าระเบิดเกิดจากกลุ่มก่อความไม่สงบชายแดน

คำวิจารณ์ที่คณะอนุมีต่อรายการคือการแสดงความเห็นเรื่องระเบิดเชื่อมโยงกับชายแดนใต้ แต่รายการได้แจ้งคณะอนุว่าเราอ่านข่าวตามที่สื่อรายงาน โดยได้นำหนังสือพิมพ์ในช่วงดังกล่าวแสดงต่อที่ประชุม ส่วนความเห็นของ ผ.ศ.ศรีสมภพ ก็ถูกนำเสนอเพราะเป็นนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องภาคใต้ต่อเนื่องที่สุดในประเทศไทย

ขอย้ำว่าการเรียกรายการเข้าชี้แจงคือวันที่ ๒๒ ซึ่งพล.อ.ประวิตร รองนายกและรัฐมนตรีกลาโหมยอมรับว่าระเบิดไม่เกี่ยวกับกลุ่มเสื้อแดงไปแล้ว, เจ้าหน้าที่เริ่มออกหมายจับนายอาหะมะจากตากใบ , หน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ยอมรับหมดว่าระเบิดเกิดจากกลุ่มชายแดน และตอนนี้ไม่มีใครพูดว่าเหตุระเบิดมาจากกลุ่มการเมืองอีกเลย

คำถามคือทำไมการอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่อย่างเปิดเผยถึงถูกกล่าวหาว่าผิดศีลธรรมและขัดขวางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในเมื่อ ณ ตอนนี้ รัฐมนตรีก็ระบุว่าข่าวที่สื่อรายงานมีมูลความจริง?

กรณีส.ว.เสนอชื่อนายกคนนอก

สถานการณ์ขณะนั้นคือสนช.ผลักดันให้กรรมการร่างแก้รัฐธรรมนูญให้วุฒิสมาชิกเสนอชื่อนายก (Nominate) ได้ รวมทั้งคุณไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศตั้งพรรคชูพลเอกประยุทธ์เป็นนายก ส่วนคณะอนุวิจารณ์ว่าช่องรายงานข่าวความเห็นของคุณวันชัย สอนศิริ/ คุณไพบูลย์ และคนอื่นๆ เรื่องวุฒิสภาเสนอชื่อนายกจนทำให้เกิดความสับสน บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย

อย่างไรก็ดี ข่าวเรื่องวุฒิสมาชิกเสนอชื่อนายกได้หรือไม่ปรากฏในสื่อทุกแหล่ง และยังคงเป็นประเด็นจนปัจจุบัน คำถามคือทำไมการเสนอข่าวที่คุณวันชัยและคุณไพบูลย์เป็นคนพูดเองวาจะเสนอ ให้วุฒิสภาเลือกนายกได้ถึงกลายเป็นเรื่องทำลายศีลธรรมและขัดขวางบ้านเมือง?

ทุกคนทราบว่าการทำงานสื่อภายใต้สถานการณ์นี้ไม่ปกติ แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย และการกล่าวหาว่าใครผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินไปโดยหลักฐานและกระบวนการที่ปกติ ข้อกล่าวหาและกระบวนการพิจารณาความผิด Wake Up News มีแนวโน้มจะทำโดยไม่เป็นตามนี้ อย่างน้อยที่สุดก็คืออาจไม่มีการนำเสนอเนื้อหารายการทั้งหมดให้คณะกรรมการ กสท.พิจารณาอย่างสมบูรณ์ ผลก็คือคณะกรรมการอาจเข้าใจว่ารายการนำเสนอข้อมูลของภาครัฐอย่างไม่ครบถ้วนและเข้าข่ายให้ข้อมูลด้านเดียว ท้ั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net