พล.อ.อักษรา เปิดเผยภายหลังการเดินทางหลังเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียเพื่อพูดคุยกับผู้เห็นต่าง ว่า การพูดคุยในครั้งนี้เป็นไปตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เกิดความสงบในพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการพูดคุยขั้นตอนตามปกติเป็นระยะสร้างความไว้วางใจ โดยความไว้วางใจไม่ได้หมายถึงเฉพาะ กลุ่มปาตี้เอ แต่เป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

พล.อ.อักษรากล่าวปฏิเสธว่า การพูดคุยในครั้งนี้ไม่มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงทางธุรการ หรือ TOR เนื่องจากทางมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุย ว่าแต่ละฝ่ายควรมีกี่คน ภาษาที่ใช้ในการพูดคุยควรเป็นภาษาไทยหรือภาษามาลายู ควรมีล่ามแปลหรือไม่ และค่าใช้จ่ายควรมีประมาณเท่าไหร่ โดยในวันนี้คณะพูดคุยฝ่ายไทยได้นำข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้มีการยุติเหตุความรุนแรงในพื้นที่ก่อนที่จะมีการพูดคุย และคณะพูดคุยยังได้นำหนังสือของคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ยื่นให้กับกลุ่มผู้เห็นต่างหรือปาร์ตี้บี ซึ่งทางปาร์ตี้บีจะนำรับไปพิจารณา และจะตอบกลับมาเป็นเอกสาร เพื่อเป็นข้อพิจารณาในการพูดคุยครั้งต่อไป ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดวันพูดคุยรอบหน้า จากขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุกฝ่าย ซึ่งทางประเทศมาเลเซียจะเป็นผู้กำหนด ผ่านทางสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) 

ทั้งนี้พล.อ. กล่าวปฏิเสธว่าการพูดคุยครั้งนี้ยังไม่ได้มีการหารือถึงพื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟตี้โซน ทางไทยได้ใช้โอกาสนี้สอบถามกับกลุ่มผู้เห็นต่างว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือฝ่ายใด

ซึ่งทางกลุ่มผู้เห็นต่างได้ยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ใช่ผู้กระทำ และจะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อักษรา ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในการพูดคุยครั้งนี้กลุ่มผู้เห็นต่างมีจำนวน6กลุ่ม ซึ่งมาครบทั้งหมด