ประวิทย์-สุภิญญาเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. กสทช. ใน 5 ประเด็นสำคัญ

 

3 ก.ย.  2559 เวบไซต์ www.nbtcrights.com ได้เผยแพร่หนังสือฉบับที่ ทช 1003.09/31834 วันที่ 22 ส.ค. 59 ของ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ และ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.ด้านส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ส่งถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ความเห็นและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... หรือ ร่าง พ.ร.บ. กสทช. ซึ่งเป็นข้อสรุปและเนื้อหาสาระสำคัญที่ได้จากการจัดเวทีสาธารณะ NBTC Public Forum ครั้งที่ 2/2559 หัวข้อ “มุมมองภาคประชาชนต่อแนวทางปรับปรุงกฎหมาย กสทช.” เมื่อวันพุธที่ 27 ก.ค. 59 มี 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

ประเด็นแรก การกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาฯ มาจากหน่วยงานของรัฐทั้งหมด จึงทำให้ประชาชนขาดการมีส่วนร่วมในการกำหนดการสรรหากรรมการ กสทช. ผ่านองค์กรที่มาจากภาคประชาชนโดยตรง เช่นเดียวกับเจตนารมณ์ที่ปรากฏในกฎหมายฉบับปี 2543 และฉบับปี 2553 ดังนั้นจึงสมควรกำหนดให้มีองค์กรที่มาจากประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงในการสรรหากรรมการ กสทช.

ประเด็นสอง ในร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ ได้มีการยกเลิก “คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน” ซุปเปอร์บอร์ด หรือ กตป.  โดยกำหนดให้มี “คณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน” โดยเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ในสาระสำคัญ ซึ่งถือได้ว่า เป็นการยกเลิกระบบการตรวจสอบภายนอกโดยสิ้นเชิง และปรับเปลี่ยนให้เป็นเพียงหน่วยตรวจสอบภายใน ขององค์กร เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่เฉพาะการกำกับบุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินผลการดำเนินงานของ กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. และแจ้งผลดังกล่าวให้ กสทช.ทราบเพื่อดำเนินการต่อไปตามที่ กสทช. เห็นสมควร จึงไม่น่าจะก่อให้เกิดผลดีกับกระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุล การดำเนินงานของ กสทช. โดยรวม นอกจากนี้ การกำหนดให้มีผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) และผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เข้าร่วมเป็นกรรมการกำกับ การประเมินผลการปฏิบัติงานจึงเป็นกรณีที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กสทช. ในภายหลัง เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบการดำเนินงานหน่วยงานของรัฐ รวมถึง กสทช. อยู่แล้ว หากการทำหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมายปรากฏว่าขัดหรือแย้งกับมติหรือความเห็น ของผู้แทนหน่วยงานตนเอง ย่อมก่อให้เกิดปัญหาทับซ้อนในการดำเนินการ

ประเด็นสาม การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ในร่างฯฉบับใหม่ ได้มีการกำหนดสาระเพิ่มเติม  “...แต่ในกรณีที่เป็นการประกอบกิจการทางธุรกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ การคัดเลือกให้ทำโดยวิธีการประมูลแต่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประมูลต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับโดยจะคำนึงถึงจำนวนเงินที่เสนอให้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้” นั้น เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในลักษณะดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการพิจารณาอนุญาตและการแข่งขันเข้าสู่ตลาด เนื่องจากเป็นการทำลายหลักการสำคัญที่กำหนดให้ใช้วิธีการประมูลสำหรับกิจการทางธุรกิจ อีกทั้งในการจัดประมูลคลื่นความถี่ย่อมสามารถกำหนดเงื่อนไขการประมูลให้ต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับได้อยู่แล้ว เช่น การประมูลทีวีดิจิทัลที่ผ่านมามีการแบ่งช่องรายการในหลายประเภท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะในด้านต่างๆ จึงเห็นควรให้ตัดสาระในส่วนนี้ออก

รวมทั้งประเด็นที่ว่าหากต้องกำหนดให้มีการชดเชยเยียวยาการเรียกคืนคลื่นเพื่อสนับสนุนการใช้คลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ ควรมีเพียงกรณีเดียว คือ เป็นกรณีที่ผู้ใช้คลื่นความถี่ได้สิทธิในการใช้คลื่นความถี่มาโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยวิธีการประมูลเท่านั้น เพราะกระบวนการเรียกคืนคลื่นความถี่ตามมาตรา 82 มาตรา 83 ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ  พ.ศ. 2553 ฉบับปัจจุบัน มีความชัดเจนเพียงพอแล้ว การกำหนดเพิ่มเติมในลักษณะดังกล่าวอาจกระทบกับกระบวนการเรียกคืนคลื่นความถี่เพื่อนำมาจัดสรรใหม่และสร้างภาระให้กับรัฐในการเรียกคืนคลื่นความถี่โดยไม่จำเป็น เนื่องจากหน่วยงานที่ถือครองคลื่นความถี่ในระบบเดิมทั้งหมดเป็นหน่วยงานภาครัฐซึ่งมิได้มีสถานะเป็นเจ้าของทรัพยากรคลื่นความถี่ดังกล่าว

ประเด็นสี่ การแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารกองทุนให้สามารถนำเงินของกองทุนไปลงทุนได้ ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีการดำเนินการในลักษณะที่ขัดต่อหลักการในการจัดเก็บเงินจากผู้ประกอบกิจการ เพื่อนำมาส่งเสริมและพัฒนากิจการอันเป็นที่มาของรายได้ อีกทั้งรายได้ของกองทุนซึ่งถูกปรับแก้กฎหมาย ให้ผ่องถ่ายไปยังหน่วยงานของรัฐอื่นแล้วย่อมมีเงินไม่มาก จึงควรกำหนดให้นำเงินกองทุนไปใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้เดิมเท่านั้น ไม่ควรมีการนำเงินกองทุนไปลงทุนเพื่อแสวงหารายได้ได้

ประเด็นห้า การบริหารจัดการภายในของสำนักงาน กสทช. และเป็นอำนาจของ กสทช. ในการกำหนดโครงสร้างการบริหารงานบุคคลตามมาตรา 46 ซึ่งสะท้อนว่าเป็นเพียงการประกันประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะบัญญัติไว้เป็นกฎหมายเช่นนี้และเห็นควรให้ตัดสาระในส่วนนี้ออก

ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ...  ฉบับคณะรัฐมนตรีเสนอนั้น อยู่ในระหว่างการพิจารณาแก้ไขในขั้นตอนของคณะกรรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ สนช. นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท