Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ภาพประกอบจาก ประชาไท

อันที่จริงสิ่งที่คนดื้อแพ่งที่ป้อมมหากาฬนั้น เป็นการพูดเพื่อขอความเห็นใจ ไม่อยากให้รื้อถอน  แต่ด้วยคำพูดของพวกเขาเองนี่แหละที่เป็น "คำสารภาพ" ชัดว่า พวกเขาไร้มโนธรรม ไร้ความชอบธรรม และไม่สมควรอยู่ในที่นั้นอีกต่อไป  ลองมาฟังดู

ในหนังสือพิมพ์ online ประชาไท ได้มีบทความ "เปิดใจคนป้อมมหากาฬหลังถูก กทม. ไล่รื้อบ้าน 'ขออยู่และเลือกที่จะตายที่นี่' เมื่อเวลา 09:10 ของวันที่ 8 กันยายน 2559 นั้น  สิ่งที่พวกเขาพูดล้วนไร้เหตุผลจริงๆ

หญิง อายุ 52 ปี ". . .ตั้งแต่ปี 2546. . .ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บัญชีอยู่ที่ศูนย์การค้าวรจักร ได้เงินเดือน 18,000 บาท แต่พอ กทม. จะมาไล่รื้อ เราต้องเป็นเวรยาม. . .ช่วงนั้นไปสายประจำจนเถ้าแก่เจ้าของศูนย์การค้าวรจักรที่เราทำงานด้วยพูดกับเราว่าเลือกเอาระหว่างที่ซุกหัวนอนกับที่ทำมาหากิน. . . เราก็ลาออก. . .ไม่นานก็มีอาการเป็นลมล้มชักบ่อย. . .กล้ามเนื้ออ่อนแรง. . . ทุกวันนี้พี่ต้องกลายเป็นคนพิการเพราะความเครียดจากการไล่รื้อ. . .มีหมายศาลติดทุกบ้าน. . ." 

กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าเธอตัดสินใจผิดพลาด  ลำพังรายได้มากขนาดนั้นในช่วงเวลานั้น ไปเช่าหรือซื้อบ้านหลังใหม่ได้เลย  และการมีหมายศาลมาติดที่บ้าน แสดงว่าศาลพิพากษาแล้ว แต่กลับไม่ปฏิบัติตาม

หญิง อายุ 75 ปี ". . .อยู่ในชุมชนมานานกว่า 40 ปี. . .บ้านของเราเป็นบ้านของบรรพบุรุษสามีที่เขาซื้อมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เขาอยู่มาหลายชั่วรุ่น. . .ไล่เราแล้วจะให้เราไปอยู่ไหน. . .สงสารคนแก่บ้าง” 

กรณีนี้ไม่มีเอกสารสิทธิ์เป็นของตนเอง และไม่ใช่ชุมชนโบราณเพราะไม่ได้อยู่มาแต่ต้น  อย่าอ้างอยู่มานาน ทำไมไม่คิดว่าอยู่ฟรี เอาเปรียบสังคมมานานหลายสิบปี  เลิกปล้นชิง  สมควรคืนแก่สังคมได้แล้ว

ชาย อายุ 66 ปี "เพิ่งทราบว่าบ้านต้องถูกรื้อเพียง 2 วันที่ผ่านมา. . .ตนเองไม่ใช่เจ้าของบ้านหรือมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นเพียงผู้เช่า แต่ก็เช่ามาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2522 เป็นเวลากว่า 37 ปีที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้. . .แต่พอเวลาผ่านมา 20 กว่าปี มีหมายไล่รื้อชุมชนเจ้าของบ้านเขาไปรับเงินจาก กทม. ค่าไล่รื้อ ทั้งๆ ที่เรายังเช่าเขาอยู่ วันที่เขามาที่บ้านหลังนี้ช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้ามาทำการรื้อถอนบ้าน เขากลับพูดว่าเราไม่เคยเช่าเขา. . ." 

กรณีนี้เขาติดประกาศรื้อมานานหลายสิบปี และล่าสุดก็หลายสิบวัน  ผู้นี้อ้างตนว่าเช่าที่คนอื่น แต่เจ้าของยืนยันให้อยู่ฟรี  แต่ถึงหากเช่าจริง ก็ไม่ได้เก็บค่าเช่ามานานแล้ว  เอาสมบัติของแผ่นดินไปใช้ฟรี ๆ ไม่รู้สึกรู้สา ไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีบ้างหรือไร

ชาย 58 ปี "เช่าบ้านในชุมชนป้อมมหากาฬมากกว่า 30 ปี. . .หลังปี พ.ศ.2546. . .เจ้าของบ้านเขาก็ไม่มาเก็บเงินค่าเช่าแล้ว บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่จะไล่รื้อเพราะเป็นบ้านไม้โบราณ" 

กรณีนี้ก็เช่นกัน อยู่มา 30 ปี โดย 17 ปีแรกเช่าบ้าน แล้ว 13 ปีหลังอยู่ฟรีโดยไม่เสียเงินสักบาทเดียว  ถือเป็นการบุกรุกอยู่อาศัย  ขนาดเจ้าของบ้านเดิมเขาไปแล้ว แต่ตนเองก็ไม่ยอมย้าย  นี่มีมโนธรรมสำนึกบ้างหรือไม่ที่ถือเอาทรัพย์ของส่วนกลางมาใช้สอยส่วนตัว  จริงๆ ทางราชการก็มีการจัดหาที่อยู่ให้ใหม่  สนับสนุนการขนย้าย ฯลฯ  แต่ดื้อแพงไม่ยอมสถานเดียว

การกระทำของชาวชุมชนที่นักข่าวประชาไท พยายามไปเฟ้นหามาแต่พวกผู้สูงวัย  ใช้ความน่าสงสารจากเปลือกนอกอย่างนี้มาคัดง้างกับการกระทำผิดทำนองคลองธรรมแบบนี้ เป็นสิ่งที่สมควรแล้วหรือ  สื่อไม่ควรเลือกข้างใช่หรือไม่  กรณีศึกษาบุคคลทั้ง 4 ข้างต้นนี้ แทนที่จะได้รับความเห็นใจ  แต่เท่ากับเป็นการเปิดโปงตัวเองอย่างล่อนจ้อนว่า เป็นผู้ที่ไร้ซึ่งหิริโอตัปปะโดยแท้  นี่จึงถือเป็นคำสารภาพบาปของพวกเขาเอง

บุคคลควรมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปบ้าง

0000

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net