Skip to main content
sharethis

14 ก.ย. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามภาพรวมการบริหารจัดการข้าว ที่ได้มีมาตรการดูแลเกษตรกรที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น การสนับสนุนต้นทุนการผลิต   และได้หารือในภาพรวม เพื่อปรับโครงสร้างการบริการจัดการข้าว ให้มีความเหมาะสมแต่ละฤดูการผลิต และความต้องการของตลาด

“ผมได้สั่งการให้ชลอการระบายข้าวคงค้างในคลังของรัฐบาลขณะนี้  เพื่อรองรับปริมาณข้าวในรอบการผลิตเดือนเมษายน ที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะเดียวกัน ได้หารือถึงแนวทางการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในอนาคตด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนคดีความในโครงการรับจำนำข้าว ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่าวิจารณ์ให้กระทบกระบวนการ  พร้อมย้ำว่า ในส่วนของรัฐบาล ได้ทำตามหน้าที่ โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ 2 ชุด เพื่อตรวจสอบในเรื่องของบัญชี และพิจารณาเรื่องของความผิดทางละเมิด

“ขอย้ำว่า กระบวนการทุกอย่าง จะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด และยืนยันว่า การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่56/2559 ตามมาตรา 44 เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของศาล รัฐบาลจะไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล คำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงการให้อำนาจกรมบังคับคดีเข้าไปดำเนินการ ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้ว หรือเมื่อมีคำพิพากษาของศาลปกครองออกมาแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

วิษณุแจงเพียงเปลี่ยนผู้ยึดจากกระทรวงเป็นกรมบังคับคดี เหตุข้าวจำนวนมาก 

ขณะที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยระบุว่าจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา44 ตัดสินใครแล้วไปยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

“แต่มาติดอยู่ว่ากรณีที่จะออกคำสั่งทางปกครองเรื่องจำนำข้าวแบบเร่งด่วน คือกรณีบุญทรง เตริยาภิรมย์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และต่อเนื่องไปยังกรณีวินิจฉัยเรื่องมันและข้าวโพด ซึ่งจะไปถึงการยึดทรัพย์ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา หากแต่ละกระทรวงพบความผิด กระทรวงนั้นก็ไปยึดกันเอง แต่คดีนี้อาจต้องยึดจำนวนมาก ซึ่งแต่ละกระทรวงไม่มีคนดำเนินการ และหากยึดมาได้ก็ไม่มีที่เก็บ จึงต้องใช้อำนาจตามมาตรา44 ดำเนินการ ขอย้ำว่าไม่ได้ใช้มาตรา44 ยึด แต่เป็นการยึดตามกฏหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ยึดเดิมคือเจ้ากระทรวงแต่เปลี่ยนเป็นกรมบังคับคดีแทน ส่วนจะยึดได้หรือไม่ได้เป็นไปตามกฏหมาย” วิษณุ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าคำสั่งนี้ทำให้เห็นว่าคดีของบุญทรง และ ยิ่งลักษณ์ ใกล้วด เข้ามาทุกขณะหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ถึงกับงวด เพราะเมื่อออกคำสั่งแล้วต้องพิจารณาว่าบุคคลทั้งสองจะอุทธรณ์หรือไม่ ถ้าอุทธรณ์ที่ศาลปกครอง และศาลพิจารณาสั่งคุ้มครองชั่วคราว การยึดทรัพย์ต้องระงับไปก่อน  แต่เมื่อคดีจบรู้แพ้รู้ชนะพบว่าผิด กรมบังคับคดีต้องมีหน้าที่ยึดเช่นเดิม ทั้งนี้  มาตรา44 ไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีของศาลปกครอง  เพราะศาลปกครองจะดูเหตุแห่งการรับผิด ความรับผิดเป็นมูลค่าความเสียหายขนาดนั้นหรือไม่  ดูวิธีพิจารณาอื่นๆ เช่นการตรวจสอบ ไต่สวนเป็นธรรมหรือไม่ ขาดอายุความหรือไม่ หากศาลเห็นด้วยทั้ง 3 ข้อก็ยึด แต่หากไม่ตกลงก็ยึดไม่ได้

ส่วนที่ว่าเหตุใดไม่ลงโทษผู้ปฏิบัติ แต่ลงโทษเพียงผู้คุมนโยบาย วิษณุ กล่าวว่า ผู้คุมนโยบายถูกชี้มูลก่อนจึงต้องดำเนินการก่อน ส่วนผู้อื่นก็ต้องถูกดำเนินการเช่นกัน มีแนวทางดำเนินการกับเจ้าหน้าที่และเอกชนอื่นอีก และว่า “อะไรมาก่อนก็ต่องดำเนินการก่อน เพราะคดีนี้คณะกรรมการป้อิงกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งมา ซึ่งคดีข้าวแบบจีทูจี ป.ป.ช.ส่งมา3ทาง คือ 1. การดำเนินคดีการเมือง ส่งให้สนช.ถอดถอน  2. ป.ป.ช.ส่งดำเนินคดีอาญา อัยการสั่งฟ้อง รับฟ้องสืบพยานกันอยู่  และ3. ป.ป.ช.ฟ้องแพ่ง โดยส่งมาว่า พร้อมรายชื่อผู้ที่ชี้มูลความผิดจำนวน 6 คน หากไม่ดำเนินการก็ผิดกฏหมายมาตรา157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

ที่มา สำนักข่าวไทย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net