Skip to main content
sharethis

8 พ.ย. 2559 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย ครม. มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้  1.  เห็นชอบมาตรการการจ้างงานผู้สูงอายุ  และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย   แล้วดำเนินการต่อไปได้

2.  เห็นชอบมาตรการการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex)  โดยให้กระทรวงการคลังไปหารือร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้  ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและให้รับข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย  และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย

3.  เห็นชอบมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ  (Reverse  Mortgage)  โดยให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และ 4. เห็นชอบในหลักการให้มีการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  สำหรับร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติและร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.  และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไปพิจารณาด้วย

โดยสาระสำคัญของเรื่องและร่างกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย

1.  มาตรการจ้างงานผู้สูงอายุ  เป็นการส่งเสริมให้นายจ้างมีการจ้างงานผู้สูงอายุผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นายจ้าง โดยออกร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร  (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายได้  2 เท่าของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้างสำหรับการจ้างบุคลากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ซึ่งมีอัตราค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยนายจ้างสามารถขอใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด  มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดภาระให้กับบริษัทที่จ้างงานผู้สูงอายุได้สูงสุด  3,300 บาทต่อคนต่อเดือน  ทั้งนี้ ลูกจ้างจะต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ กรรมการ ผู้บริหาร หรือเคยเป็นผู้บริหารของกิจการ

2.  มาตรการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex)  เป็นมาตรการในการส่งเสริมการสร้างที่พักอาศัยที่มีความเหมาะสมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นการเฉพาะให้กับผู้สูงอายุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัย มีอุปกรณ์ใช้สอยที่เหมาะสม และอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลโดยขอเสนอแนวทางการดำเนินการ ดังนี้

2.1      การสนับสนุนการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex)  บนที่ราชพัสดุ  โดยกรมธนารักษ์ได้จัดหาที่ราชพัสดุในจังหวัดชลบุรี  จังหวัดนครนายก จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ และกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนสำหรับการใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อดำเนินการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ  ซึ่งผู้เช่าจะได้รับสิทธิในการเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยทางราชการอาจต่ออายุสัญญาเช่าออกไปอีกเป็นระยะเวลา 30 ปี พร้อมทั้งเห็นควรอนุมัติในหลักการให้บุตรที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูบิดามารดาที่สูงอายุได้รับสิทธิในการจองโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นลำดับแรกก่อน และเห็นควรยกเว้นการนำกฎหมายผังเมืองมาบังคับใช้กับที่ราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ให้ความเห็นชอบดำเนินการโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ 

2.2      การสนับสนุนการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ  (Senior Complex)  บนพื้นที่อื่น  โดยให้การเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)  ไปดำเนินการจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อนำมาดำเนินการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex)   โดยเห็นควรให้นำหลักการของโครงการบ้านมั่นคงและบ้านประชารัฐมาใช้กับการดำเนินการโครงการดังกล่าว  และให้บุตรที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูบิดามารดาที่สูงอายุได้รับสิทธิในการจองโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นลำดับแรกก่อน

2.3   การสนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนโดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่  ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์  สนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ  (Pre-finance)  ในวงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท  และให้มีการจัดสรรวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Post-finance)  เพื่อรองรับการดำเนินโครงการในระยะต่อไป และให้บุตรที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูบิดามารดาที่สูงอายุได้รับสิทธิในการจองโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นลำดับแรกก่อน

3.  มาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse  Mortgage : RM)  เป็นการให้เงินกู้แก่ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระหนี้เป็นของตนเอง โดยวัตถุประสงค์ของสินเชื่อประเภทดังกล่าว เพื่อต้องการให้ผู้สูงอายุนำสินทรัพย์ที่ตนมีกรรมสิทธิ์มาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพ  ซึ่งมูลค่าเงินที่กู้ได้จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้   มูลค่าบ้าน และอัตราดอกเบี้ย

4.  มาตรการบูรณาการระบบบำเหน็จบำนาญ  โดยจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จ บำนาญแห่งชาติและกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบข.)  เพื่อให้เกิดเอกภาพของนโยบายด้านบำเหน็จบำนาญในภาพรวม 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net