ขณะที่ก่อนหน้านี้หลังทราบผลการเลือกตั้ง คนอเมริกันเป็นแสนรายรีบแห่ซื้อประกันสุขภาพ เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลงนโยบายหลังยุคโอบามา
(ภาพซ้าย) แฟ้มภาพ บารัก โอบามา ลงนามในกฎหมายปกป้องผู้ป่วยและการรักษาพยาบาลที่ไม่แพง (PPACA) ที่ทำเนียบขาว เมื่อ 23 มีนาคม 2010 ต่อมาเรียกกันติดปากว่ากฎหมาย "โอบามาแคร์" (ภาพขวา) แฟ้มภาพโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนพรรครีพับลิกันซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ล่าสุดมีท่าทีผ่อนปรนต่อนโยบายโอบามาแคร์ โดยระบุจะรักษาข้อดีของนโยบายนี้เอาไว้ (ที่มา: Pete Souza/Wikipeida และ Gage Skidmore/Wikipedia)
เพียงแค่ไม่กี่วันหลังการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยลั่นวาจาในหลายโอกาสว่าเขาจะแก้ไขกฎหมายประกันสุขภาพที่ผ่านในสมัยรัฐบาลโอบามา ล่าสุดทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะรักษากฎหมายนี้เอาไว้
ในรายงานของนิวยอร์กไทม์ ที่อ้างคำให้สัมภาษณ์ในวอลสตรีทเจอนัล ทรัมป์ ได้กล่าวว่า เขาอยากจะรักษาสองสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดของกฎหมายที่ชื่อว่า กฎหมายปกป้องผู้ป่วยและการรักษาพยาบาลที่ไม่แพง (Patient Protection and Affordable Care Act) หรือที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ เดือนมีนาคมปี 2010 ซึ่งมีผลทำให้บริษัทผู้ประกันภัยต้องรับทำประกันแก่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และทำให้ผู้ปกครองสามารถใช้สิทธิในประกันของตนคุ้มครองไปถึงบุตรจนถึงอายุ 26 ปี โดยทรัมป์กล่าวกับวอลสตรีเจอนัลว่า เขากำลังพิจารณาจุดยืนของเขาใหม่ หลังจากได้พบกับประธานาธิบดีบารัก โอบามาเมื่อวันพฤหัสบดีนี้
ความเห็นของทรัมป์แสดงให้เห็นท่าทียืดหยุ่นเกี่ยวกับกฎหมายและอนาคตของกฎหมายดังกล่าว ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 พ.ย.) มีชาวอเมริกันเป็นแสนคนเร่งซื้อประกันสุขภาพภายใต้กฎหมาย "โอบามาแคร์" โดยเป็นวันที่มียอดซื้อประกันสูงที่สุดของปีนี้ ในขณะที่มีประชาชนหลายล้านคนได้รับสิทธิประกันตนภายใต้กฎหมายฉบับนี้
นอกเหนือจากความเห็นของเขาแล้ว ในเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการถ่ายโอนภารกิจประธานาธิบดีของทรัมป์ ก็มีการแก้ไขนโยบายด้านสุขภาพที่เปลี่ยนไปจากที่เขาเคยหาเสียงด้วย โดยมีการเพิ่มเติมสิ่งที่ใกล้เคียงกับแนวทางหลักของพรรครีพับลิกันมากขึ้น เช่น เลิกการอ้างถึงการควบคุมราคายาที่แพงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์รณรงค์เรื่องพวกนี้มาหลายเดือน และเพิ่มข้อความใหม่เกี่ยวกับเรื่องทำให้การรักษาพยาบาลทันสมัยขึ้น โดยจะให้สภาคองเกรสออกมาตรการจ่ายคูปองให้คนก่อนที่จะไปซื้อประกันสุขภาพส่วนตัว
เบอร์นาร์ด เจ ไทสัน ผู้บริหารของ Kaiser Permanente หน่วยงานที่ดูแลเชิงระบบสุขภาพให้กับโรงพยาบาล แพทย์ และระบบประกันในรัฐแคลิฟอเนีย กล่าวว่า มีความกังวลว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาบริษัทประกันได้รับโทรศัพท์จากประชาชนที่กังวลว่าจะได้รับการคุ้มครองสิทธิหรือไม่
ชาวอเมริกันอย่าง เทียรี มาร์ส อายุ 61 ปี อาศัยในรัฐเซาท์แคโรไลนา ระบุว่าไม่ลังเลเลยที่จะรีบสมัครประกันสุขภาพช่วงนี้ "ประกันภัยเป็นสิ่งที่ควรจะติดตัว" ทั้งนี้มาร์สอยู่โดยไม่มีประกันสุขภาพมาเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงด้วย เธอกล่าวว่า เพราะเธอเจ็บป่วยอยู่แล้ว หากไม่มีกฎหมายโอบามาแคร์ เธอก็จะไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ตามกฎหมาย "ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงตายเป็นแน่"
ในทางกฎหมาย โดยปราศจากเสียงข้างมากหนาแน่นคือ 60 เสียงในวุฒิสภา พรรครีพับลิกันซึ่งหลังเลือกตั้งล่าสุดมีที่นั่งในวุฒิสภาที่ 54 ที่นั่งจากทั้งสภา 100 ที่นั่ง ก็คงแก้ไขกฎหมายโอบามาแคร์ทั้งฉบับไม่ได้แน่ แต่พวกเขาสามารถตัดทอนบทเฉพาะกาลได้หลายเรื่องผ่านขั้นตอนการออกกฎหมายงบประมาณ
ทั้งนี้ช่วงรัฐบาลโอบามา พรรครีพับลิกันคัดค้านกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าวโดยระบุว่าเพิ่มภาระให้ประชาชนและบริษัทเอกชน โดยเมื่อกฎหมายผ่านสภาคองเกรสในปี 2010 ก็มีการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา จนในเดือนมิถุนายนปี 2012 ศาลฎีกาประกาศว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ขณะที่เมื่อปีก่อน วุฒิสภาได้ผ่านกฎหมายด้านงบประมาณที่มีผลกระทบอย่างมากต่อกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าว แต่ประธานาธิบดีโอบามาใช้สิทธิยับยั้งกฎหมายดังกล่าว
เรียบเรียงจาก
Trump Says He May Keep Parts of Obama Health Care Act By REED ABELSON, The New York Times, Nov 11, 2016