สนช.เห็นชอบ พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากรเป็น พ.ร.บ. ขณะที่รมช.คลัง แจงเพื่อความทันสมัย สอดคล้องกับรูปแบบการค้าระหว่างประเทศ พร้อมมีมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ. การเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. ....
12 ม.ค. 2560 การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบอนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)พิกัดอัตราศุลกากร(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2559 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ประกาศใช้เป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ด้วยคะแนนเห็นด้วย 200 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง
วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าเนื่องจากประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกองค์การศุลกากรโลกและภาคีอนุสัญญาระบบฮาร์โมไนซ์ขององค์การศุลากรโลก โดยอนุสัญญาดังกล่าวมีการปรับปรุงแก้ไขการจำแนกประเภทสินค้าใหม่ ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ เพื่อให้พิกัดศุลกากรของสินค้ามีความทันสมัย ชัดเจน และสอดคล้องกับรูปแบบทางการค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงด้าน เทคโนโลยยี
“เป็นกลไกในการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารของโลก การคุ้มครองสังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับประเทศไทยซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนได้ร่วมลงนาม และรับพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนมาใช้ ซึ่งพิธีสารดังกล่าวได้กำหนดให้ใช้พิกัดศุลกากรในระดับ 8 หลักร่วมกัน จึงต้องแก้ไขอัตราศุลกากรขาเข้า โดยพิกัดศุลกากรที่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ เป็นเรื่องสัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับหลักการของพระราชกำหนด พร้อมเสนอแนะไปยังรัฐบาลว่า ควรมีมาตรการบังคับให้สามารถนำหลักการนี้ไปใช้ในทางปฏิบัติได้จริง เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบสินค้าเข้ามาในไทย
มติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. การเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. ....
วันเดียวกัน สนช. มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. การเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. .... ไว้พิจารณาด้วยคะแนนเห็นด้วย 203 คะแนน ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง กำหนดเวลาแปรญัตติ 15 ระเวลาการดำเนินงาน 60 วัน
พิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องตรา พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า เมื่อมีความเสียหายจากมลพิษน้ำมันที่เกิดจากเรือ ผู้ได้รับความเสียหายจากมลพิษอาจจะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือได้รับค่าสินไหมทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่ได้รับ ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. 1992 จะส่งผลดีต่อบุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากมลพิษที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน และเพื่อเป็นการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าว สมควรมีกฎหมายว่าด้วยการเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิศน้ำมันอันเกิดจากเรือ
พิชิต กล่าวชี้แจงถึงประเด็นการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนด้วยว่า จากการหารือบริษัทน้ำมันที่เกี่ยวข้องเห็นชอบกับหลักการในร่างนี้ โดยในกรณีที่ไม่เกิดอุบัติการณ์ความเสียหายทุกบริษัทจะจ่ายไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุน แต่หากมีอุบัติการณ์เกิดขึ้นจะเก็บเงินเป็นครั้งๆ ซึ่งจะต้องมากกว่าจำนวนเงินข้างต้น แต่จะอยู่ในวิสัยที่บริษัทรับได้ โดยเงินที่ส่งเข้ากองทุนน้ำมัน 5 ล้านบาทเมื่อเทียบแล้วจะมีผลกระทบกับราคาน้ำมันน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย จึงถือว่ากระทบน้อยมาก ส่วนประเด็นผู้รับผิดชอบหากมีความเสียหายเกินกว่า 8,000-10,000 ล้านบาท จะมีกองทุนที่เข้ามาดูแลความเสียหาย แต่จากการพิจารณาความเสียหายของไทยที่เคยเกิดขึ้นไม่น่าเกินไปกว่าความเสียหายของกองทุนตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์ที่จะต้องจ่ายความเสียหายเกิด 4,500 ล้านบาท จึงเห็นว่า การเป็นสมาชิกของกองทุนนี้น่าจะเพียงพอในการคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้รับเรื่องการเร่งออกกฎหมายลูก ของกฎหมายต่างๆที่ลงสัตยาบรรณไว้แล้วไปพิจารณา