มติ สตช. กรณีทุจริตสอบนายสิบ ให้เพิกถอนบางส่วนที่กระทำผิดเท่านั้น ผบช.น. เผยรวบรวมหลักฐานจ่อขอหมายจับราว 200 ราย ย้ำเป็นระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัย
18 ม.ค. 2560 ความคืบหน้ากรณีพบการทุจริตสอบนายสิบตำรวจ วันนี้ (18 ม.ค.60) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุดมติของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มี พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีมติไม่เห็นชอบการยกเลิกสอบนายสิบตำรวจทุกภาค แต่ให้เพิกถอนเฉพาะผู้ที่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนในการสอบ ซึ่งขณะนี้มีกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงยังคงมีการประกาศผู้ผ่านการสอบคัดเลือกทุกกองบัญชาการ ภายในวันที่ 27 ม.ค.นี้ แต่ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะประกาศภายในวันที่ 30 มกราคม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพยายามอัพเดตข้อมูลในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้
สำหรับแนวทางการเยียวยานั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแนวทางในการเยียวยาผู้เข้าสอบอยู่แล้ว ขอผู้เข้าสอบอย่ารับฟังกระแสสังคม รวมถึงขณะนี้มีการขยายผลดำเนินคดีกับผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ทั้งผู้รับจ้างสอบ ผู้ได้รับผลประโยชน์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย
ผู้ต้องหาขอหมายจับราว 200 ราย
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยกรณีนี้ ว่าตนได้สั่งการพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ต้องใช้เวลาพิสูจน์ทราบ ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 200 ราย นั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพราะขบวนการเหล่านี้ต้องให้เวลาพนักงานสอบได้ทำงาน ตนจะไม่รอเพียงการซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียกก่อนหน้านี้ 52 ราย ในชั้นสอบสวนต้องมีหลักฐานแน่น และในชั้นพิจารณาของศาลจะยิ่งมีข้อสงสัยจนออกหมายจับไม่ได้ จึงจำเป็นจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมัดแน่นตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดซึ่งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนจะไปให้การในชั้นศาล
เมื่อถามว่าจากการสอบสวนพฤติกรรมความผิดของผู้ต้องหาสอดคล้องในข้อหาใดบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ต้องเอาข้อเท็จจริงมาพิจารณาเมื่อข้อเท็จจริงเข้าผิดองค์ประกอบฐานใดต้องตั้งข้อหาตามนั้น
เมื่อถามว่าสำนวนจะเสร็จภายในเดือนนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ตนอยากให้เสร็จภายในวันนี้พรุ่งนี้ด้วยด้วยซ้ำไป แต่ไม่อยากเร่งจนเกินไปต้องให้ชัดเจน แต่ต้องอยู่บนข้อมูลเชิงประจักษ์ หากมีข้อมูลที่เบาะแสเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีกลุ่มนี้แก๊งนี้หรือกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ย้ำเป็นระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัย
“นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ครอบครัวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เรามองว่าครอบครัวไม่ได้ดูแลใกล้ชิดเพราะเหตุว่าน้องๆ ส่วนใหญ่ก็โตแล้ว ในส่วนนี้ครอบครัวกับทางเจ้าหน้าที่ต้องมาจับมือให้ความสำคัญร่วมกันมากกว่านี้ เพราะกลุ่มที่ทุจริตไปชักชวนโน้มน้าวทำให้เด็กเหล่านี้หลงผิดหลงทางไป ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลงมาให้ความสำคัญจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทาง ผบ.ตร.และคณะกรรมที่ประชุม ตร.มีมติให้นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้นทิ้ง” พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว