ไพบูลย์พร้อมด้วยคณะภิกษุณี ร้องกรรมการสิทธิฯ เสนอรัฐบาลแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ เปิดทางหญิงบวชภิกษุณีได้ไม่ผิดกฎหมาย
ที่มาภาพ เว็บไซต์ กสม.
6 ก.พ. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รับเรื่องร้องเรียนจาก ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะภิกษุณี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยขอให้ กสม. ส่งรายงานผลการตรวจสอบที่ 344 /2558 ต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการให้มีการดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิของภิกษุณีตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 30 ที่ระบุว่าเมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดถ้าบุคคลหรือหน่วยงานมิได้มีการดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือดำเนินการแล้วแต่ยังไม่เสร็จโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ กสม.รายงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการให้มีการดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 มาตรา 5 ทวิ โดยให้เพิ่ม ภิกษุณี เป็นคณะสงฆ์อื่น ไว้ในมาตราดังกล่าว ซึ่งก็จะทำให้การปฏิบัติของภิกษุณีไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดธรรมวินัย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเครือข่ายภิกษุณีเคยร้องเรียนต่อ กสม. ขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิสตรีและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีมหาเถรสมาคมมีมติห้ามบวชภิกษุณีในประเทศไทย และ กสม. ได้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ตามรายงานผลการตรวจสอบที่ 344 /2558 และแจ้งรายงานผลการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่พบการดำเนินการใด ๆ โดยล่าสุดมีการห้ามไม่ให้ภิกษุณีเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเพื่อกราบพระบรมศพ
ประธาน กสม. กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าว ทั้งนี้ กสม.มีแนวทางแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเชิงระบบ โดยจะรวบรวมข้อร้องเรียนเพื่อจัดทำงานผลการตรวจสอบและมีข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายต่อไป
ไพบูลย์ กล่าวว่า มาร้องในฐานะตัวแทนของภิกษุณี เนื่องจากภิกษุณีไม่สามารถยื่นคำร้องเองได้เนื่องจากจะผิดพระธรรมวินัย ที่ผ่านมาการปฏิบัติของภิกษุณี ทั้งการไม่สามารถบวชในประเทศไทย การถูกปฎิเสธไม่ให้เข้าถวายความอาลัยพระบรมศพรัชกาล 9 ถูกตีความ ว่ากระทำผิดกฎหมายและพระธรรมวินัย แต่จากการตรวจสอบของตน ยืนยันว่า การปฏิบัตของภิกษุณีในเรื่องการบวช ไม่ถือว่าผิดพระธรรมวินัย เพราะในพุทธประวัติก็มีภิกษุณี และไม่ผิดกฎหมาย เพียงแต่ในทางกฎหมายยังไม่มีการรับรองเท่านั้น จึงอยากให้กรรมการสิทธิจัดทำรายงานเพื่อเสนอ ครม.ให้แก้ไขกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก
ตัวแทนภิกษุณี กล่าวว่า ที่มาไม่ได้มาฟ้องร้อง แต่มาขอร้อง ขอความเมตตา เนื่องจากกฎหมายระบุให้เรามีสิทธิ์บวชตามศาสนาใดก็ได้ และเราก็เรียนพุทธศาสนามาแต่เด็ก ก่อนเป็นภิกษุณีก็บวชชีมา 15 ปี แต่พอบวชเป็นภิกษุณีก็เกิดปัญหาทันที จึงสงสัยว่าการบวชเป็นภิกษุณีผิดต่อสังคมหรือไม่ ซึ่งอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก เพราะต้องการให้ภิกษุณีมีที่ยืนในสังคม ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร
ที่มา เว็บไซต์ กสม. และสำนักข่าวไทย