สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ ออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนผู้สนับสนุนที่มีอยู่มากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ส่ง จม.ถึง สภ.9 และอัยการ จ.ปัตตานี พิจารณาถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท กับ สมชาย-พรเพ็ญ-อัญชนา พร้อมแนะแก้ไข กม.อาญาโดยให้ยกเลิกโทษอาญาต่อความผิดฐานหมิ่นประมาท
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ สมชาย หอมลออ และ อัญชนา หีมมิหน๊ะ
17 ก.พ. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนผู้สนั
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า คาดว่าเร็วๆ นี้ พนักงานอัยการจะมีคำสั่งฟ้องหรื
มีรายงานข่าวว่าเจ้าพนักงานตำรว
ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนปาล สวีเดน ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม เวเนซุเอลา โปแลนด์ ฯลฯ ร่วมกันรณรงค์เรียกร้องให้ทางกา
ข้อมูลเพิ่มเติม :
ทันทีหลังการเผยแพร่รายงาน “การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายในจังหวัดชายแดนใต้ระหว่างปี 2557-2558” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ทางโฆษกกองทัพบกกล่าวหาว่าทางผู้จัดพิมพ์ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปัตตานี กลุ่มด้วยใจ และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ตบแต่งข้อมูลรายงานการทรมานเพื่อขอทุนจากต่างชาติ โฆษกยังได้ตั้งคำถามต่อความชอบธรรมของการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ และขู่ว่าอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท
สมชาย หอมลออเป็นที่ปรึกษาอาวุโสและอดีตประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดทำข้อมูลการปฏิบัติมิชอบในการบริหารงานยุติธรรม และแสวงหาการเยียวยาทางกฎหมาย พรเพ็ญ คงขจรเกียรติเป็นผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและยังเป็นประธานกรรมการของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย อัญชนา หีมมิหน๊ะ เคยเป็นนักธุรกิจ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกลุ่มด้วยใจ โดยเธอได้ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับครอบครัวของผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย
นับเป็นครั้งที่สองที่กองทัพบกได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาในคดีหมิ่นประมาททางอาญาต่อ สมชาย หอมลออและพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ อันเป็นผลจากการทำงานด้านการทรมานของพวกเขา สมชายและ พรเพ็ญเคยได้รับหมายเรียกให้พบพนักงานสอบสวนเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 หลังจากกองทัพบกกล่าวหาพวกเขาว่ากระทำการทำลายชื่อเสียงของกองทัพบก เนื่องจากมีการเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกเมื่อปลายเดือนเมษายน 2557 เรียกร้องให้ทางการสอบสวนทางอาญาตามข้อกล่าวหาว่ามีการทรมาน ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีเมื่อเดือนกันยายน 2558
นักกิจกรรมทั้ง 3 คนมีกำหนดต้องเข้ารายงานตัวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานีทางภาคใต้ของไทยสองครั้งด้วยกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อหาหมิ่นประมาทต่อตน โดยจะมีการเข้ารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 21 ก.พ. 2560
นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจำนวนมากขึ้นในไทยกำลังถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาททางอาญา โดยเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมที่ชอบธรรมเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน และแสวงหาการเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ทางการมักบอกปัดอย่างรวดเร็วเมื่อมีข้อร้องเรียนและรายงานว่ามีการทรมาน โดยมักอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มุ่งโจมตีทางการเพื่อให้เสียภาพลักษณ์ หรือเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งในเดือนกันยายน 2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลต้องยกเลิกงานแถลงข่าวที่จัดเตรียมไว้เพื่อเปิดตัวรายงานการทรมาน หลังจากทางการไทยข่มขู่จะจับกุมวิทยากรในงานหากเดินหน้าจัดงานต่อไป
การใช้ข้อหาหมิ่นประมาททางอาญา เป็นการละเมิดพันธกรณีทางกฎหมายของไทยที่จะต้องคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR)ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกระตุ้นให้รัฐต่าง ๆ พิจารณายกเลิกโทษอาญาต่อคดีหมิ่นประมาท และเน้นว่าการจัดทำกฎหมายหมิ่นประมาทต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อประกันให้รัฐสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของตนได้ และไม่ส่งผลในเชิงปฏิบัติที่จะคุกคามเสรีภาพในการแสดงออก รัฐควรยอมรับว่าการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อประโยชน์สาธารณะ อาจใช้เป็นข้อต่อสู้ในทางกฎหมายได้ และรัฐควรดูแลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้บทลงโทษที่รุนแรงเกินควร