'พระสนิทวงศ์ ผอ.สื่อสาร ธรรมกาย' ได้ประกันตัว พร้อม 3 เงื่อนไข 'ป้าเช็ง' รายงานตัวปัดหนุน

ลำดับเวลาการเข้ามอบตัวของ 'พระสนิทวงศ์ ผอ.สื่อสาร ธรรมกาย' จนกระทั่ง ได้ประกันตัว  4 แสน ห้ามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน-ไม่ให้ออกนอกประเทศ ด้านธรรมกายแจงพระสนิทวงศ์ ไม่มีเจตนาว่าร้ายหรือยุยงปลุกปั่น ขณะที่โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ปัดเผด็จศึกธรรมกายภายใน 5 วัน ป้าเช็งรายงานตัวปัดหนุน  ศิษย์ธรรมกายผลักดันทหาร เจ็บ 1 ราย

พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย (แฟ้มภาพจากเฟซบุ๊กพระภัทรารุจ ฌานภทฺโท)

9 มี.ค. 2560  รายงานข่าวระบุว่า จากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เดินทางถึงกองบังคับการปราบปราม โดยรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อม วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลความพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือหนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายของแผ่นดิน

13.00 น. พระสนิทวงศ์ ถูกตำรวจกองปราบปรามควบคุมตัวไปยังศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อขออำนาจศาลฝากขังทันที โดย พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ภายหลังแจ้งข้อหาตามหมายจับคือ หมิ่นประมาท, ยุยงปลุกปั่น และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ แต่พระสนิทวงศ์ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามพระสนิทวงศ์จะถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านประกันตัว ซึ่งหากศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกัน ขั้นตอนต่อไปพระสนิทวงศ์จะถูกให้สละสมณเพศทันทีก่อนนำไปควบคุมตัวที่เรือนจำ ส่วนหากศาลอนุญาตให้ประกัน สภ.คลองห้า จะดำเนินการอายัดตัวพระสนิทวงศ์เพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าเป็นคดีใดทั้งนี้คดีความของพระสนิทวงศ์ในส่วนของกองปราบ ถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว

14.00 น. เศษ ศาลพิจารณาคำร้องฝากขังแล้ว ผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามคำร้อง ขณะที่ วิญญัติ ซึ่งเป็นทนายความของพระสนิทวงศ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 600,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้

15.30 น.ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหาได้ โดยศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 400,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขกับผู้ต้องหา 3 ข้อ คือ 1.ห้ามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน 2.ห้ามยุยงปลุกปั่นประชาชน อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบและล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน 3.ห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยผู้ต้องหามารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 26 เม.ย.นี้

15.40 น. พนักงานสอบสวน บก.ป. ได้นำพระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหา ขึ้นรถตู้หน่วยคอมมานโด เดินทางไปไปยัง สภ.คลองห้า พร้อมขบวนรถด้วยรถวิทยุตำรวจกองปราบปราม เพื่อไปดำเนินกระบวนการตามขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่เรียกให้มารายงานตัว ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 ซึ่งระหว่างที่พระสนิทวงศ์ กำลังจะเดินทางออกจากศาลอาญา องอาจ ธรรมนิทา อดีตโฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และประชาชนที่ศรัทธาประมาณ 10 คน มาคอยให้กำลังใจพระสนิทวงศ์ด้วย โดยพระสนิทวงศ์ มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ตลอดเวลาการยื่นฝากขัง

สำหรับคำร้องฝากขังนั้น รายงานข่าวระบุพฤติการณ์พระสนิทวงศ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่า หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา , นำข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยน่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , กระทำการด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดจะก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2)(3) , 326 , 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1)(2)

โดยมีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “Phra Sanitwong Charoenrattwong” โพสต์ข้อความทำนองว่า ให้มาร้องเรียนการกระทำรุนแรงต่อพระภิกษุสงฆ์ ต่อการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปพบเห็นได้จากการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าเชื่อว่าจะก่อให้ประชาชนที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย เกิดความไม่พอใจ รู้สึกโกรธแค้น จนนำไปสู่การเกิดความปั่นป่วนในราชอาณาจักร และอาจก่อให้เกิดการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายมีการชุมนุมต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ ชั้นสอบสวนสอบ พระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

15.40 น. วิญญัติ กล่าวว่า ต้องขอบคุณศาลอาญาที่มีความเมตตาในการใช้ดุลยพินิจปล่อยตัวชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไข 3 ข้อ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้อายัดตัวเพื่อนำไป สภ.คลองห้านั้น เป็นการนำไปรับทราบข้อกล่าวหาละดำเนินตามกระบวนการของพนักงานสอบสวน ขณะที่ข้อกล่าวฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช.นั้นอันตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เราก็จะเตรียมหลักทรัพย์ไว้เพื่อยื่นขอปล่อยชั่วคราวมูลค่า 24,000 บาท ตามมาตรฐานของศาลจังหวัดธัญบุรี

“นี่แสดงให้เห็นว่าพระสนิทวงศ์ และพระที่ทยอยกันเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและรายงานตัว ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้หลบหนีไปไหน ซึ่งคือเหตุผลสำคัญที่ศาลให้ประกันตัว อย่างไรก็ดีคดีที่ สภ.คลองห้า หากวันนี้เดินทางไปไม่ทัน พรุ่งนี้ก็ไปได้ ยังมีเวลาอยู่ ไม่ได้หลบหนีไปไหนอยู่แล้วยืนยัน ”นายวิญญัติ ทนายความ กล่าวและว่า พระสนิทวงศ์ไม่มีความกังวล มีสิ่งเดียวคือ อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมพิเศษและที่วัดพระธรรมกาย ให้ใช้วิธีการที่คำนึงสิทธิเสรีภาพมหาชนให้มากที่สุด โดยกระบวนการที่ดำเนินต่อไปจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่

วิญญัติ ทนายความ กล่าวย้ำด้วยว่า ที่บางสำนักข่าวให้ความสนใจ นำตนไปเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง ขอบอกว่าอาชีพทนายความ คือ วิชาชีพและตนก็ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่มี คสช.ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด การเข้ามาช่วยเป็นทนายความให้กลุ่มพระนั้นก็เป็นหน้าที่ของทนายความและตนเองก็อยากเห็นความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม จึงไม่มีอะไร

“การจะเป็นทนายความให้บุคคลใด ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจ และได้รับการปรึกษาทางกฎหมายที่ชัดเจน  การที่ผมเข้ามาเป็นเรื่องที่แสดงต่อสังคมอยู่แล้วว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับกระบวนการใช้อำนาจที่ไม่คำนึงถึงสิทธิประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อแนวทางตรงกันเช่นนี้ถ้าพระท่านเห็นว่าผมเป็นทนายความได้ ผมก็มาเป็นทนาย ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้”  วิญญัติ  กล่าว

ธรรมกาย แจงพระสนิทวงศ์ ไม่มีเจตนาว่าร้ายหรือยุยงปลุกปั่น

โดยก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ออก คำชี้แจงวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่า 1.สืบเนื่องจากกระแสข่าวที่ว่า ได้มีการขออนุมัติออกหมายจับ พระสนิทวงศ์ จากการที่ได้โพสต์ข้อความในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และถูกกล่าวหาว่าการโพสต์ข้อความดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาท ยุยง ปลุกปั่น แก่ประชาชนก่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบแก่ประชาชน ก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ขอชี้แจงว่า พระสนิทวงศ์  มีหน้าที่ในการนำเสนอ ข้อมูลข่าวสารงานบุญ หรือกรณีอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นข้อมูลในแง่มุมของวัดเพื่อสื่อสารต่อลูกศิษย์และประชาชนทั่วไป ให้ทราบถึงข้อแท้จริงของวัด ไม่มีเจตนาว่าร้ายใครและไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทใคร รวมทั้งไม่มีเจตนายุยง ปลุกปั่น กระด้างกระเดื่องหรือก่อความไม่สงบต่อประชาชนและราชอาณาจักรไทย ไม่มีเจตนายุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดินแต่ประการใด 
 
กรณีข่าวการออกหมายจับของศาลอาญาจึงประสานตำรวจเข้ามอบตัวแต่ขอชี้แจงว่า ไม่ได้รับหมายเรียก และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหน เพราะถ้าหากทราบและได้รับหมายเรียกก็จะเข้ามอบตัวอยู่แล้ว
ยืนยันว่าเคารพกฎหมายและให้ความร่วมมือต่อกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด
 
คำชี้แจงวัดพระธรรมกาย ระบุใน 2. ด้วยว่า กรณีเชิญชวนสาธุชนทั่วโลก สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เริ่มต้นตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา ปีพุทธศักราช 2559 เป็นต้นมา เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ได้เข้าใกล้พระพุทธศาสนาด้วยการสวดมนต์ที่ถือว่าเป็นแม่บททางพระพุทธศาสนา โดยมีการนับยอดสวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ระลึกนึกถึงบุญจากการสวด ผ่านยอดสวดแต่ตามวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆ เช่น ครบรอบยอดสวดในวันวิสาขบูชา มาฆบูชา หรือวันพระแต่ละเดือน โดยล่าสุดจัดสวดให้ครบ 30 ล้านจบ ในวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 มี.ค. พ.ศ. 2560 ที่จะถึงนี้ 
โดยกิจกรรมนี้สามารถสวดได้ที่บ้าน และศูนย์ปฏิบัติธรรมใกล้บ้าน แต่หากท่านใดสะดวกในการเดินทางก็สามารถมาสวดร่วมกันได้ที่มหารัตนวิหารคด วัดพระธรรมกาย อย่างเช่นที่ผ่านมาก็มีนักเรียนนักศึกษาจากหลายโรงเรียนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม และส่งยอดสวดมาที่วัดมากกว่าล้านจบ ไม่ได้มีเจตนาปลุกระดมประชาชน เพื่อหวังกำลังมวลชนร่วมปกป้องวัดพระธรรมกายจากสถานการณ์พิเศษนี้ ตามที่เป็นข่าวแต่ประการใด

โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ปัดเผด็จศึกธรรมกายภายใน 5 วัน

วันเดียวกัน รายงานข่าวระบุว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าภายใน 5 วันนี้จะดำเนินการกับวัดพระธรรมกายให้จบ ว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากมาชี้แจงว่า จากการตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้พูดในลักษณะนั้น และขอร้องสื่อมวลชนอย่าตีความว่าจะมีการดำเนินการให้จบภายใน 5 วัน แต่สิ่งที่พูด หมายถึงจะมีความก้าวหน้าในการดำเนินการมากขึ้นตามลำดับ
 
“ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ 5 วัน ไม่ได้หมายความว่าเผด็จศึก หรือเข้าตี ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความระมัดระวัง ไม่อยากให้เกิดเป็นปมประเด็น ที่ทำให้ฝ่ายต่าง ๆ นำไปขยายผลในเชิงเสียหายได้ จึงต้องมีความรอบคอบในการดำเนินการ มีความยืดหยุ่นอย่างสูง เพราะฉะนั้น 5 วันที่พูด หมายความว่า มีความคืบหน้าให้เห็นเป็นระยะ ๆ” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
 
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่อยากให้มีการจับสึกพระธัมมชโย ว่า นายกรัฐมนตรีเคยชี้แจงไปแล้วว่าขั้นตอนการสึกของพระ ต้องไปดูจาก พ.ร.บ.สงฆ์ คือ ต้องมีการจับกุมตัวได้ จึงจะดำเนินการจับสึกได้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ต้องมีการจับสึกทางโซเซียลมีเดียกัน ซึ่งสิ่งที่ทำได้ คือ ต้องมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน ค่อย ๆ กดดัน เพื่อให้สังคม ประชาชนบางส่วน และพระหลายรูปที่ไม่ใช่พระลูกวัดที่ยังอยู่ในพื้นที่ได้ทยอยเดินทางออก เชื่อว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง จะสามารถเข้าไปดำเนินการตรวจค้นได้
 

ป้าเช็งรายงานตัว ปัดหนุน

ขณะที่ ศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ หรือป้าเช็ง เจ้าของตลาดป้าเช็ง คลองหลวง กล่าวว่า ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่า วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา มีบุคคลมาติดต่อขอใช้พื้นที่เพื่อทำบุญตักบาตรในวันที่ 5 มี.ค. ตนเป็นลูกศิษย์ทุกศาสนาจึงอนุญาต โดยไม่ได้เก็บค่าเช่าพื้นที่เพื่อร่วมทำบุญด้วย แต่ยอมรับทราบว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นของวัดพระธรรมกาย และตนไม่ได้อยู่ร่วมทำบุญเนื่องจากเดินทางไปต่างจังหวัดจึงไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เรียกตนเข้าพบ

ป้าเช็ง ยังยืนยันว่า ไม่มีการสนับสนุนให้มีการชุมนุมและได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่า จะไม่อนุญาตให้จัดชุมนุมในพื้นที่ตน ส่วนเรื่องเงิน 10,000,000 บาทของพระเสถียร คำบ่อ หนึ่งในพระสงฆ์ ที่ถูกควบคุมตัวจากตลาดป้าเช็ง ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 ศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ หรือป้าเช็ง เจ้าของตลาดป้าเช็ง คลองหลวง (ภาพจากเพจ Banrasdr Photo)

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการสอบถามป้าเช็ง ทราบว่าไม่มีเจตนาให้พื้นที่ชุมนุม โดยยินดีให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ตลอด จึงขอความร่วมมือในการดูแลพื้นที่ตนไม่ให้บุคคลใดมาใช้เป็นที่ชุมนุม แต่ไม่ได้ห้ามเรื่องการทำบุญ

เจ็บ 1 ราย ศิษย์ธรรมกายผลักดันทหาร

วันเดียวกัน รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเวลา 13.30 น. บริเวณสะพานเชื่อมต่อเข้าวัดพระธรรมกาย ประตู 4 ข้ามถนนเลียบคลองสาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังเพื่อเข้าตรวจสอบบนสะพานดังกล่าว หลังรถลาดตระเวนทหาร ร.2 พัน 3 รอ. ถูกยิงกระจก และมีการส่องไฟเลเซอร์ลงมา รวมถึงมีกลุ่มคณะศิษยานุศิษย์ ได้ปักหลักเฝ้าอยู่จำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ เมื่อทาง คณะศิษยานุศิษย์ ทราบเรื่อง จึงได้เรียกระดม พระสงฆ์ และมวลชน เข้ามาสมทบบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยบนสะพานมีการใช้สแลนสีเขียวขึงด้วยไม้ต่อกันเป็นที่ปิดบังแสงแดด มีการทำแผงตาข่ายขนาดใหญ่จากเหล็กเส้นขึงเป็นประตูบนสะพาน 1 ชั้น ตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ และ กำแพงสังกะสีอีก 1 ชั้น ป้องกันเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้น นอกจากนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ได้ปีนเชิงสะพาน เพื่อตรวจสอบบนสะพานดังกล่าว แต่กลุ่มลูกศิษย์ได้ขัดขวางและผลักดันเจ้าหน้าที่ทำให้ร่วงหล่นสะพาน ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
 
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เจรจากับตัวแทนพระสงฆ์ ก่อนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ถอยร่นกำลังกลับตั้งจุดประจำการ ส่วนทางวัดได้ทำการปิดประตูสังกะสี เพื่อลดการเผชิญหน้า ซึ่งห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ยังมีการสวดมนต์ของพระสงฆ์ และลูกศิษย์อยู่เป็นจำนวนมาก ผ่านเครื่องขยายเสียงดังออกมา ซึ่งคาดว่ารอสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่ให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าวให้หมดเสียก่อน 

 

ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์, เพจ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย  ผู้จัดการออนไลน์  และสำนักข่าวไทย 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท