Skip to main content
sharethis

ประยุทธ์ เปิดงาน SME Revolution : เส้นทางสายโอกาส SME 4.0 พร้อมปาฐกถาพิเศษยืนยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME โดยขอผู้ให้ประกอบการปรับตัว พัฒนาออกแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด

10 มี.ค.2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ ที่ ห้องเพลนนารี่ ฮอลล์ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดงาน SME Revolution : เส้นทางสายโอกาส SME 4.0 พร้อมปาฐกถาพิเศษ “เปิดวิสัยทัศน์และมาตรการพลิกโฉม SME ตามแนวประชารัฐสู่ Thailand 4.0” จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าประเทศไทยด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ตั้งแต่ปี 2557 ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาภายใต้ความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสิ่งที่จะทำให้เราไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมให้ทันต่อสถานการณ์ของโลก ปัจจัยภายในและภายนอก คือเราจะต้องปรับตัวเอง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ทำทุกอย่างโดยใช้หลักการ เหตุผล ยุทธศาสตร์ชาติมาดำเนินการ โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารจัดการระบบบริหารราชการแผ่นดินทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ  ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจจากทุกภาคส่วน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า SME มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ การพัฒนาส่งเสริม SME ของไทยในวันนี้ถือเป็นความสำคัญ เพราะเราต้องการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย ถ้าไม่มีการพัฒนา ประชาชนในทุกระดับ ทุกอาชีพ ทุกรายได้ ก็จะไปด้วยกันไม่ได้ จึงได้เกิดกลไกประชารัฐขึ้นในทุกระดับ ซึ่ง SME ก็มีกลไกเช่นนี้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของประเทศให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น  เพื่อให้มีรายได้ นำมาลดความเหลื่อมล้ำของภาคประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคม  พร้อมกับต้องยกระดับรายได้ประชาชนให้พ้นจากการติดกับดักรายได้ปานกลาง ด้วยการคิดใหม่ เดินใหม่ มีวิธีบริหารจัดการใหม่ ที่อยู่ในยุทธศาสตร์การบริหารจัดการของรัฐบาล ที่จะต้องขับเคลื่อนให้ได้ในทุกมิติ ทั้งนี้ เรามีโอกาส มีความได้เปรียบจากการเป็นศูนย์กลางภูมิศาสตร์ของอาเซียน รวมทั้งมีความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังนั้น ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย จะต้องเอาโอกาสมาเป็นโอกาส อย่าเอาโอกาสมาเป็นวิกฤต หรือเอาวิกฤตมาทำให้วิกฤตมากกว่าเดิม ต้องทำเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นคุณค่ามากกว่าเน้นปริมาณเพื่อให้สามารถแข่งขันได้  อีกทั้งจะต้องเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ จึงอยากให้ SME พัฒนาปรับปรุงตัวเอง นำนวัตกรรมรูปแบบใหม่คิดออกมา เพื่อให้แข่งขันได้ โดยในส่วนของการผลิตสินค้าโอทอป ก็ควรมีการออกแบบโดยนำอัตลักษณ์ วัฒนธรรมมาปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มประเทศประชาคมโลกแต่ละภูมิภาคที่เป็นตลาดของไทย เพื่อให้ขายสินค้าได้ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนโยบายด้านการพัฒนาว่า ได้เน้นนโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายพื้นที่ เพราะไม่สามารถรวมศูนย์เป็นจุดเดียวได้อีก ต้องพัฒนาประเทศในลักษณะภูมิภาคโดยเพิ่มจาก 4 ภูมิภาคเป็น 6 ภูมิภาค โดยในการบริหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดจะนำไปสู่กลุ่มจังหวัด จังหวัด ชุมชน และท้องถิ่นในทุกกิจการที่รัฐบาลดำเนินการทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งในวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการหลายอย่าง เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภูมิภาค CLMV และมีการติดตามเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจเป็นสำคัญ รวมทั้งนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC ก็เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมโยงมาขนาดกลาง ขนาดเล็ก ซึ่ง SME ก็อยู่ในห่วงโซ่นี้ทั้งสิ้น โดยจะมีการเสริมเพิ่มเติมด้วยนโยบายพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษดิจิทัล สมาร์ทซิตี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และสามารถเติบโตไปสู่ภูมิภาคอาเซียนและสู่โลกได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสินค้าที่ส่งออกด้วย SME ประมาณ 80-90% จึงต้องส่งเสริม SME ให้ดี ให้มีการพัฒนาตัวเองในกรอบที่รัฐบาลกำหนดออกมา โดยในปี 2560 รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน 6 มาตรการ รวมทั้งมีสิทธิประโยชน์ตามประเภทกิจการให้กับผู้ประกอบการ มีกองทุนดูแล SME และมีการปรับโครงสร้างการทำงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ใหม่ทั้งหมด ซึ่งมาตรการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวจะต้องรองรับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาของ SME ไทยว่ายังไม่เข้มแข็งมากพอ โดยเฉพาะ SMEระดับฐานรากวิสาหกิจชุมชน ที่จะต้องพัฒนาตัวเองให้เข้มแข็ง อยู่รอดให้ได้ท่ามกลางแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SME ของไทยโดยเฉพาะภาคการเกษตร ยังขาดจิตวิญญาณในการประกอบธุรกิจ เพราะยังไปติดอยู่กับการรับจ้าง ติดกับการผลิตพื้นฐาน เมื่อผลิตเสร็จก็ขายหมด ไม่มีการนำไปคิดทำประโยชน์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องมีการปรับตัวตรงนี้ด้วย เพราะกิจการผลิตภาคการเกษตรมีความสำคัญที่สุด รัฐบาลจึงได้ส่งเสริมการเกษตรตามแนวทางประชารัฐ ให้มีการผลิตเอง แปรรูปเอง ขายเอง เพื่อเป็นทางเลือก นอกจากนี้ SME ยังประสบข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อขยายกิจการ ไม่สามารถขยายตัวได้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้ SME เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น รวมทั้งได้ออกมาตรการอีกหลายมาตรการเพื่อให้ SME ได้พัฒนาตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้ง SME ขนาดเล็ก ขนาดกลาง SME ที่ล้มละลาย หรือ SME ที่มีศักยภาพพร้อมจะขยายตัว โดยจะจัดแบ่งการช่วยเหลือเป็นกลุ่มเป้าหมายและกองทุน  ซึ่งการทำงานวันนี้เป็นการดำเนินงานตามกรอบนโยบายของรัฐบาลไทยแลนด์ 4.0 เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม พร้อมจะทำทุกอย่างที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกภาคส่วน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net