นริศราวัลถ์ หลานพลฯวิเชียร เตรียมเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ครั้งที่สอง พรุ่งนี้ กรณีถูกดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์โวยน้าชายถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 54 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ (แฟ้มภาพประชาไท)
15 มี.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.2560) เวลา 10.00 น. นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือ เมย์ พร้อมทีมทนายความ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (อาคาร A) ในกรณีที่ นริศราวัลถ์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดข้อหาหมิ่นประมาท และความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี อาญาที่ 773/2558 สภ.เมืองนราธิวาส จนถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา จากสถานที่ทำงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาต่อมา
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า 14 มี.ค. 2560 นริศราวัลถ์ ได้รับทราบจากรองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศตช.) ว่าได้มีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการ โดยทาง ศตช.เห็นควรส่งฟ้องศาลฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ควรให้สอบสวนเพิ่มเติม 5 ประเด็น และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดชี้ขาด”
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายของ นิรศราวัลภ์ ถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 2554 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดย นริศราวัลถ์ ได้เป็นตัวแทนของครอบครัวเรียกร้องความเป็นธรรม จนกระทั่งจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่และ ปปท. ซึ่งใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงพบว่า ร.อ.ภูริ เพิกโสภณ เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 ร.อ.ภูริ โสภณ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวหาว่า นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ใช้เฟซบุ๊กโพสต์และแชร์รูปพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.ท.ภูริ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้ตั้งข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นเสนออัยการว่าควรสั่งฟ้องทั้งสองข้อหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2559 อัยการจังหวัดนราธิวาสได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นริศราวัลถ์ ทุกข้อกล่าวหา จึงต้องส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 115/2557
นริศราวัลถ์ จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในวันที่ 16 มี.ค. 2560 เวลาประมาณ 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารA) ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พร้อมนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมอบให้อัยการสูงสุดใช้ประกอบการพิจารณาและสั่งคดีเพื่อความเป็นธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมาตรา 14(1) เรื่องการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีการแก้ไขใจความสำคัญโดยเพิ่มองค์ประกอบว่า เป็นการนำเข้า "โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง" และเพิ่มข้อความ "อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา" และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ของ สนช. ย้ำหลายครั้งในต่างกรรมต่างวาระว่า มาตรา 14(1) ไม่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของ สนช.แล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.นี้ (120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา)