กก.สอบสวนมีมติปลดออก บิ๊กกรมทรัพย์สินฯ จิ๊กภาพที่ญี่ปุ่น

คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีมติปลด สุภัฒ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทาง กรณีขโมยภาพวาดในโรงแรมที่ญี่ปุ่น แต่สิทธิยังคงได้รับเหมือนราชการ เช่น บำเหน็จและบำนาญ รวมทั้งเรื่องรักษาพยาบาล

16 มี.ค. 2560 ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต ได้เข้าควบคุม สุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เหตุขโมยภาพวาดในโรงแรม เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ในสังคมจำนวนมาก และต่อมาเจ้าหน้าที่ของไทยได้เจรจากับโรงแรมและเจ้าหน้าที่ญี่ปุน ส่งผลให้อัยการมีคำสั่งปล่อยตัว โดยมีการจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับทางโรงแรม ในวันที่ 27 ม.ค.นั้น

ล่าสุดวานนี้ (15 มี.ค.60) เมื่อเวลา 13.30 น. กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณี สุภัฒ ว่า คดีดังกล่าวมติในที่ประชุมมีความเห็นให้ไล่ออกแต่เนื่องจาก สุภัฒ รับราชการมากว่า 30 ปีไม่เคยมีความผิดทางวินัยร้ายแรงจึงลดโทษให้เป็น ปลดออก ทั้งนี้ ไม่มีผู้ใดร้องขอหรือไม่ได้มีการตกลงกันไว้ก่อนแต่อย่างใด รวมถึงพฤติกรรมเริ่มแรกที่กระทำความผิดนั้นมี 2 ครั้งแต่เกิดในสถานที่เดียวกัน

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ส่วน  สุภัฒ อ้างมูลเหตุอะไรก็ตาม เช่น โกรธแค้นการให้บริการของโรงแรม แต่เมื่อกระทำความผิดลักทรัพย์แล้วรับสารภาพ ซึ่งทางอัยการและตำรวจญี่ปุ่น ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าสำนึกผิดก็ว่าสมควรให้กลับตัวกลับใจ เป็นตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง ตอนท้ายเอกสารของ สุภัฒ ที่เขียนระบุว่า ขอน้อมรับคำติเตียนและยอมรับผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับในผลการพิจารณาของคณะกรรมการ นับเป็นการสำนึกในการทำความผิด ซึ่งแตกต่างจากข้าราชการระดับสูงอีกหลายรายที่กระทำความผิดและยังรับราชการอยู่ ถึงแม้จะมีพยานหลักฐานแต่ก็ยังไม่รับสารภาพ"

"เปรียบเทียบกับข้าราชการระดับสูงหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง หรือยักยอกทรัพย์ของทางราชการ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด แม้จะถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดแต่รอลงอาญาไว้ ปัจจุบันคนเหล่านี้ก็ยังรับราชการอยู่ ดังนั้นโทษปลดออกสำหรับ สุภัฒ จึงถือว่าเหมาะสมกับเหตุุ" พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว  

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องสิทธิยังคงได้รับเหมือนราชการ เช่น บำเหน็จและบำนาญ รวมทั้งเรื่องรักษาพยาบาล ด้วย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่ามีการแต่งงานกับครอบครัวใหม่ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น มีลูกชาย 1 คน แต่ปัจจุบันได้เลิกรา และ สุภัฒ อยู่เพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม การปลดออกมีผลบังคับใช้ทันทีและจะส่งผ่านเลขานุการแจ้งไปยังเจ้าตัวอีกครั้ง 

 

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ และไทยพีบีเอส

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท