จำเลยทั้งห้าและทนายจำเลยทั้งห้า
24 มี.ค. 2560 ระหว่างวันที่ 21-24 มี.ค. ที่ศาลจังหวัดราชบุรี มีนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 2418/2559 ที่พนักงานอัยการจังหวัดราชบุรี เป็นโจทก์ ฟ้อง ปกรณ์ อารีกุล กับพวกรวม 5 คน ในข้อหา ร่วมกันดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ ในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะปลุกระดม โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง และขัดคำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้พิมพ์ลายนิ้วมือ
คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความจำเลยที่ 1-5 ให้สัมภาษณ์ว่า การเบิกความสี่วันนี้ยังเป็นของผู้กล่าวหาและผู้ร่วมจับ โดยเป็นประเด็นเรื่องว่าจำเลยเป็นผู้เผยแพร่เอกสารสติ๊กเกอร์ ขณะที่ทีมทนายฯ ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เผยแพร่ และตัวเอกสารไม่มีลักษณะไม่เป็นความจริงหรือปลุกระดม โดยตีกรอบเนื้อหาสติ๊กเกอร์เข้ากับร่างรัฐธรรมนูญว่า "อนาคตที่ไม่ได้เลือก" หมายถึงที่มาของนายกฯ ที่อาจมาจากการเลือกของ ส.ส.และส.ว. ซึ่งไม่ยึดโยงกับประชาชน
คุ้มเกล้าระบุว่า วันนี้พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและร่วมจับกุม ส่งภาพถ่ายและวัตถุพยานที่ไม่ได้ส่งในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ทนายจำเลยจึงคัดค้าน ประกอบกับวัตถุพยานซึ่งเป็นวิดีโอมีความยาวกว่าชั่วโมง ต้องใช้เวลาตรวจสอบพยานหลักฐานในการถามค้านและพยานปากนี้มีประเด็นต้องถามค้านจำนวนมากเนื่องจากเกี่ยวพันกับพฤติการณ์ความผิดของจำเลยทุกคน ของกลาง และพยานบุคคลอื่นๆ ศาลจึงให้เลื่อนถามค้านไปวันที่ 1 พ.ค. 2560 เวลาบ่ายโมง
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ก่อนการพิจารณาคดี ศาลออกข้อกำหนดไม่ให้ผู้สังเกตการณ์บันทึกการสืบพยานและห้ามรายงานคำเบิกความระหว่างสืบพยาน
สำหรับจำเลยทั้งห้าคนประกอบด้วย นักกิจกรรม 4 คน และนักข่าว 1 คน ได้แก่ ปกรณ์ อารีกุล, อนุชา รุ่งมรกต, อนันต์ โลเกตุ สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไท เหตุเกิดสืบเนื่องจากนักกิจกรรม 4 คนเดินทางเดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้าน 23 คนที่ถูกเรียกรายงานตัวฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. จากกรณีการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ส่วนผู้สื่อข่าวได้ติดรถไปทำข่าวดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นตำรวจได้ตรวจค้นรถที่ทั้งหมดโดยสารมาและพบเอกสารความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ และรณรงค์โหวตโนหลายรายการในรถดังกล่าวจึงจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาโดยระบุว่ามีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะแจกจ่ายเอกสารดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามในคำสั่งฟ้องของอัยการระบุถึงสติ๊กเกอร์โหวตโนเพียงรายการเดียว โดยเขียนว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำความผิดโดยการแจกจ่ายสติ๊กเกอร์ข้อความ "7 สิงหา Vote No ไม่รับกับอนาคตที่ไม่ได้เลือก" ซึ่งเป็นการเผยแพร่ข้อความในช่องทางอื่นใดที่ผิดจากข้อเท็จจริง มีลักษณะปลุกระดม โดยมุ่งให้ไม่ไปใช้สิทธิ ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของคณะบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ในการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติ โดยอัยการขอให้ลงโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีและริบของกลางทั้งหมด