ทีมโฆษก คสช. ขอความร่วมมือว่าบรรยากาศของบ้านเมืองตอนนี้กำลังก้าวหน้า ขอทุกฝ่ายสร้างความสงบ มากกว่าทวงคืน 'หมุดคณะราษฎร' 'พล.ต.อ.ศรีวราห์' ยันผู้ร้องทุกข์ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ หากไม่ใช่จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ
หมุดคณะราษฎร หรือ 'หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ' ที่หายไป
19 เม.ย. 2560 จากกรณีหมุดคณะราษฎร หรือ 'หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ' ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ที่ระบุถึงเหตุการณ์สำคัญและหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 หายไป แต่ถูกแทนด้วยหมุดใหม่ที่มีข้อความและความหมายใหม่แทนในจุดเดิม ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ปฏิบัติการดังกล่าวนั้น
วันนี้ (19 เม.ย.2560) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มคนยังคงเคลื่อนไหวทวงคืนหมุดคณะราษฎร ว่า คสช.ขอความร่วมมือ และสร้างความเข้าใจ ซึ่งเป็นแนวทางดีที่สุด ทุกคนทุกฝ่ายในฐานะที่เป็นคนไทย ควรสร้างความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองเป็นหลักมากว่าจะมาจุดประเด็นเรื่องทวงคืนหมุดคณะราษฎร
ต่อกรณีคำถามว่า คสช. ขอความร่วมมือกับ ศรีสุวรรณ จรรยา อย่างไร พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า เราเป็นคนไทยด้วยกัน การพูดจาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิสิต นักศึกษา และอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เรียกร้องขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทางคสช. ขอความร่วมมือว่าบรรยากาศของบ้านเมืองตอนนี้กำลังก้าวหน้า และมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว สิ่งใดที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย เราก็ต้องขอความร่วมมือ ความร่วมแรงร่วมใจ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความปรองดอง ส่วนมีกระแสข่าวว่าจะเรียก วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย พูดคุยในค่ายทหารนั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี คงเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งกระแสข่าวเรื่องต่างๆที่มีอยู่ตอนนี้ คสช.ขอความร่วมมือโดยเฉพาะกับสื่อมวลชน
ศรีวราห์ ระบุไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าของหมุด
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีประชาชนแจ้งความกับตำรวจสืบสวนติดตามหมุดคณะราษฎรอันเก่าที่หายไปนั้น ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประชาชน สามารถกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนได้ แต่ยังไม่เป็นคดียังไม่รับเป็นเลขคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องสืบสวนและสอบสวนเพื่อพิสูจน์ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมีผู้เสียหายหรือไม่หากมีผู้เสียหายตามกฎหมาย ซึ่งมีความเสียหายเกิดขึ้นจริงก็จะต้องรับเป็นคดีสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีต่อไป ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น คำว่าร้องทุกข์และกล่าวโทษนั้นต่างกัน ในเบื้องต้นนั้นประชาชนหรือใครใครสามารถกล่าวโทษได้ แต่จะร้องทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ กรณีนี้ได้รับการยืนยันจากทางสำนักงานเขตดุสิตและกรมศิลปากรว่าไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าของหมุดดังกล่าว
แจงผู้ร้องทุกข์หากไม่ใช่เจ้าของทรัพย์จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ
รองผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า กรณีนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับการกล่าวโทษตั้งแต่แรก และก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ ทั้งการตรวจสอบหน่วยงานราชการที่สันนิษฐานว่าจะเป็นเจ้าของหมุด ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาภาพผู้ที่เข้ามาทำการใดใดกับหมุดดังกล่าว ทุกอย่างดำเนินการอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่แรก ซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็สั่งการให้คลี่คลายเรื่องนี้ตามกฎหมาย ทั้งนี้คนที่มาอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์แล้วร้องทุกข์ว่าทรัพย์นั้นหายไป ต่อมาหากสืบสวนสอบสวนทราบว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว ก็จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จได้ คดีลักษณะเช่นนี้เห็นบ่อยๆ กรณีมีการลักน้ำมันจากคอกน้ำมัน ตำรวจเห็นลูกจ้างลักน้ำมันจากคอก ดำเนินคดีเลย ต่อมาเจ้าของคอกน้ำมันไม่เอาเรื่อง บอกว่าถือว่าให้ส่วนต่าง ไม่สนใจเอาความไม่รับว่าตนเสียหาย แต่ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว เพราะเห็นความผิดเกิด ตำรวจถูกฟ้องกลับ กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆยกมาเทียบกัน
เตือนกลุ่มเคลื่อนไหว จนท.จับตาอยู่ หากผิด กม.ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ขอเตือนกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว มารวมตัว ให้ดูสถานที่ที่เคลื่อนไหวด้วยว่า เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ หากละเมิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี และหากเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทางฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ก็จับตาดูอยู่ ถ้าหากพบว่ามีความพยายามยุยงปลุกปั่นทางทหารก็จะส่งมาให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป
ที่มา : Voice TV, matichonweekly และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์