Skip to main content
sharethis
เปิดคำบอกเล่าช็อตต่อช็อตของ 'ดาโหะ มะถาวร' ครูตาดีกาสะย้อย สงขลา ผู้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มตัวไป สุดท้ายไปโผล่ที่สตูล ใครคนทำหรือสร้างเรื่องขึ้นเอง ยังเป็นปริศนา ด้าน โฆษก กอ.รมน. ยันไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่รัฐจะทำ ผู้ใหญ่บ้านเผยพลังการช่วยเหลือกระทั่งปลอดภัย
ดาโหะ มะถาวร 

ดาโหะ มะถาวร อายุ 39 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานชมรมตาดีกาตำบลทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นครูตาดีกา(ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามขั้นพื้นที่ฐาน)ประจำมัสยิดต้นพิกุล ม.3 ต.ทุ่งพอ 15 ปี และกรรมการชมรมตาดีกาอำเภอสะบ้าย้อย เขาถูกนำตัวไปตอนสองทุ่มเศษเมื่อคืนวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 โดยถูกปิดหน้าตลอดการเดินทางยาวนานเกือบตลอดคืน กระทั่งถูกปล่อยกลับมาในอีกวัน ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น 

ช็อตต่อช็อต สุดท้ายไปโผล่สตูล

“คืนวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 20.20 น.มีรถเก๋งสีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดอยู่ทางเข้าบ้าน(บ้านเลขที่ 4/5 ม.3 ต.ทุ่งพอ)ของตนโดยหันหน้าไปทางสะบ้าย้อย เมื่อผมขับรถจักรยานยนต์กลับจากร้านน้ำชา เมื่อขับมาถึงและจะเลี้ยวเข้าบ้านได้ยินเสียงคนในรถเก๋งตะโกนให้หยุดเป็นภาษาไทยชัดเจน และใช้ปืนมาจี้บังคับให้ตนเข้าไปในรถเก๋ง ผมกลัวจะถูกยิงจึงเข้าไปในรถเก๋งคันนั้น

ขณะนั้นมีคนในรถ 4 คน นั่งหน้า 2 คน นั่งหลัง 2 คน สวมไอ้โม่งปิดใบหน้าทุกคน เมื่อผมเข้าไปนั่งในรถตรงกลางด้านหลัง เมื่อขับรถออกไปไม่ไกลโดยขับไปทางตลาดสะบ้าย้อย คนในรถจึงเอาผ้าหรือไอ้โม่งมาปิดหน้าตนไว้ ตอนนั้นผมได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโต๊บที่สวมใส่อยู่ แอบโทรศัพท์ไปหาภรรยา เมื่อมีคนรับสายจึงพูดว่า ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเอาตัวไป เพราะตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นทหาร จากนั้นคนในรถก็ยึดโทรศัพท์ไป

หลังจากนั้นนั่งอยู่ในรถไปประมาณ 3-4 ชั่วโมงจึงมีการจอดรถ โดยระหว่างนั่งในรถไม่ได้ยินเสียงพูดคุยอะไรเลย ตอนนั้นผมรู้สึกได้กลิ่นหอมๆที่ผ้าปิดหน้าด้วย ซึ่งตลอดทางรู้สึกมึนไปหมด เมื่อรถจอดแล้วตนถูกนำตัวเข้าไปในอาคารซึ่งไม่มีบันได เมื่อเข้าไปในห้องแล้วจึงเปิดผ้าที่ปิดใบหน้าออก พบว่าเป็นในห้องเปิดไฟสว่าง มีขนาดกว้าง 2x3 เมตร มีเก้าอี้เพียงตัวเดียวอยู่กลางห้อง เขาให้นั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นโดยไม่ได้คุยอะไรเลย

เมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเขาจึงพาออกไปข้างนอกโดยปิดหน้าอีกครั้ง โดยพาไปขึ้นรถอีกคัน น่าจะเป็นรถกระบะยกสูงเพราะต้องก้าวข้างขึ้นสูง ออกเดินทางต่อจนถึงเวลาประมาณตี 4 รถจึงหยุดและถูกพาตัวเข้าไปในอาคารอีกครั้ง โดยขึ้นบันได 2 ช่วง เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็ถอดผ้าปิดหน้าออก ในห้องเห็นมีโทรทัศน์ เตียง ห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัว ลักษณะเหมือนห้องพักในรีสอร์ท

ต่อมาเวลา 5.30 น.(วันที่ 14 พฤษภาคม) เขาก็เอาโทรศัพท์มาให้โทรบอกญาติ ผมจึงโทรบอกน้องชายว่าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งวันนั้นก็อยู่ในห้องตลอดเวลา โดยมีคนเอาข้าวมาให้กินทั้ง 3 มื้อ เช้า เที่ยง เย็น ลักษณะที่พักเป็นบ้านเก่า 2 ชั้น หลังบ้านมีสวนสะตอเบา ด้านหน้าเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลางถนน ฝั่งตรงข้ามไม่อาคารบ้านเรือน

พอเช้าวันที่ 15 พฤษภาคม มีคนมาที่ห้อง 2 คนโดยไม่ได้ปิดหน้า มาบอกว่ากลับบ้านได้ จะไปส่ง แต่ตนยังกลัวและไม่ไว้ใจ ขอให้ไปส่งที่บขส. (สถานีขนส่ง)จะกลับบ้านเองหรือที่คิวรถตู้ และโทรให้น้องชายมารับที่ บขส.หาดใหญ่

จากนั้นเขาก็ไปส่งโดยรถตู้ มีทั้งหมด 4 คน เปิดหน้าทุกคน ลักษณะทรงผมสั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงคิวรถตู้สายสตูล-หาดใหญ่ จึงรู้ว่าเป็นสตูล และเขาก็ซื้อตั๋วให้แล้ว นั่งรถตู้มาถึงหาดใหญ่เวลาประมาณ 12.00 น น้องชายไปรับกลับถึงบ้านประมาณ 14.00 น.

ต่อมาเช้าวันที่ 16 ตนก็ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักสะบ้าย้อย เพราะคืนที่ถูกพาตัวไป ภรรยากับผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งความที่โรงพักแล้ว และเพื่อยืนยันว่ากลับมาแล้ว

ผมทราบหลังจากกลับมาแล้วว่า ตอนโทรไปครั้งแรกภรรยาเป็นคนรับสาย จากนั้นก็ให้น้องชายไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านตอปาและชุดคุ้มครองตำบล จนกระทั่งมีการประสานฝ่ายต่างๆไปอย่างรวดเร็ว ทั้งอำเภอและ ศปก.อำเภอ(ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ) ประสานไปที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ญาติรู้จัก รวมทั้งประสานไปที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา (ฉก.สงขลา) ซึ่งแนะนำให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรสะบ้าย้อย เวลา 21.00 น.

กระทั่งมีการประสานวิทยุให้สกัดรถเก๋งสีขาวตั้งแต่เวลาประมาณ 21.15 น. และมีการแจ้งให้โรงเรียนปอเนาะและมัสยิดละหมาดฮายัด เพื่อขออัลเลาะห์ให้ตนปลอดภัย โดยมีคนมาละหมาดที่บ้านตอน 23.30 น. และได้ขอให้โต๊ะครูที่เคยเรียนมา และโต๊ะครูปอเนาะในอำเภอสะบ้าย้อยช่วยละหมาดฮายัดด้วย

ผมบอกไม่ได้เลยว่า เรื่องอะไรและทำไมผมจึงถูกอุ้มไปอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยมีประวัติว่าเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง ไม่เคยถูกค้นหรือถูกหมายจับ ไม่เคยเข้ารับการอบรมจากหน่วยงานไหนเลย

แต่มีครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ มีการปล่อยข่าวมีการแจ้งชื่อเยาวชนในหมู่บ้านประมาณ 100 คนว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงด้านความมั่นคง ซึ่งรวมถึงผมด้วย ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านก็พาไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผมด้วย หลังจากนี้คิดว่า จะไม่เอาเรื่องอะไรกับคนที่ทำ อยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากยุ่งอะไรอีก”

ผู้ใหญ่ 'ตอปา แหละสมสา' :  เขาไม่น่าจะสร้างเรื่องขึ้นมาเอง

ตอปา แหละสมสา ผู้ใหญ่บ้านต้นพิกุล ม.3 ต.ทุ่งพอ เล่าว่า “ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโทรหาผมตอน 3 ทุ่มว่า เจ๊ะฆูโอ๊ะ(ดาโหะ) โดนอุ้มที่หน้าบ้าน แต่ไม่รู้ว่าใครอุ้มไป โดยเจ๊ะฆูออกจากร้านน้ำชาเวลา 20.20 น. จากนั้นโอ๊ะโทรบอกภรรยาตอน 20.40 น.ว่าทหารมาเอาไป ให้เก็บมอเตอร์ไซด์ที่จอดหน้าบ้านด้วย

เมื่อทุกคนทราบข่าว น้าของโอ๊ะจึงโทรไปหาผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรสะบ้าย้อย และให้ญาติๆโทรหาเพื่อนๆพรรคพวกให้ช่วยตรวจสอบ และเจ๊ะฆู(ครู)อิบรอฮีมไปดูกล้องวงจรปิดก็พบว่ามีรถเก๋งสีขาวมากลับรถที่ใกล้บ้านของโอ๊ะในช่วงเวลาเดียวกับที่โอ๊ะหายตัวไป

น้าชายของโอ๊ะรู้จักคนใหญ่คนโต จึงได้โทรไปที่หน่วยเฉพาะกิจของตำรวจตะเวนชายแดน (ตชด.) แต่ ตชด.บอกว่าให้ไปที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ที่ ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไป จึงไปที่สถานีตำรวจภูธรห้วยปลิง ต.ท่าม่วงแทน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารมาปฏิเสธว่าไม่ได้อุ้มไป

ในคืนนั้นก็มีการละหมาดฮายัตขอพรให้ปลอดภัย และมีการละหมาดอีกครั้งในตอนเช้าวันที่ 14 ที่บ้านของโอ๊ะ และมีชาวบ้านมาที่บ้านของโอ๊ะเป็นร้อยคน เพื่อมาให้กำลังใจและติดตามข่าว

ต่อมาโทรหาน้องชายอีกครั้งบอกว่า ไม่มีอะไร ไม่แต่บอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน หลังจากโทรเสร็จก็ปิดโทรศัพท์ จากนั้นเวลา 12.00 น.วันที่ 14 โอ๊ะได้โทรหาเจ๊ะฆูอิบรอฮีมบอกว่า สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง และบอกว่าเขาอยู่คนเดียวและอยู่กับหัวหน้า หัวหน้าให้ได้กลับบ้านได้ แต่ถ้าไม่สบายใจอยากจะอยู่ต่อ 4-5 วัน ค่อยกลับบ้านก็ได้

ในวันเดียวกันนั้น น.ส.หม๊ะกรือซา เจะหมะ ภรรยาของโอ๊ะได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สะบ้าย้อย โดยเจ้าหน้าที่ได้ซักถามประวัติและพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุพร้อมทั้งจัดเก็บ DNA ของภรรยา พี่น้องของโอ๊ะและลูกของโอ๊ะด้วย

ปกติโอ๊ะจะเจอกับผมตลอดทั้งเช้าเที่ยงเย็นที่ร้านน้ำชา คิดเขาไม่น่าจะเกี่ยวกับขบวนการ ส่วนเวลาอื่นผมไม่รู้ แต่ไม่น่าจะสร้างเรื่องขึ้นมาเองได้

ผมคิดว่า สิ่งที่ทำให้โอ๊ะปลอดภัยและกลับมาได้ น่าจะเป็นการช่วยเหลือกันของญาติๆและคนในหมู่บ้าน ใครติดต่อใครได้ก็ให้ติดต่อทันที เมื่อมีการแจ้งข่าวต่อๆกันก็ทำให้มีคนมาช่วยกันหลายคน ซึ่งคืนนั้นก็ทราบว่ามีคนโทรไปหาแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยแต่ไม่รู้ว่าใคร”

คนที่ถูกอุ้มแบบนี้มักไม่รอดทุกราย?

ผู้ใหญ่บ้านตอปา บอกว่า “เราไม่รู้ว่าใครทำ แต่ปกติคนที่ถูกอุ้มแบบนี้มักไม่รอดทุกราย แต่โอ๊ะโชคดีมาก ตอนหายตัวไปเราก็ทำใจไว้แล้ว

ตอนนี้แม้ยังไม่รู้ว่าใครทำ และเราก็ไม่อยากจะเจาะจงว่าใคร แต่ชาวบ้านปักใจเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว จึงเริ่มหวาดกลัวและไม่อยากให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ต่างจากเมื่อก่อนชาวบ้านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างดีมาก เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะเรียกความไว้ใจกลับคืนมา”

โฆษก กอ.รมน.ภาค4 ยันไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่รัฐจะทำ

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่รัฐจะไปทำอย่างนั้นแน่นอน เพราะในการจับหรือควบคุมผู้ต้องสงสัยมีหลักปฏิบัติและขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่การอุ้มแบบนี้ เพราะจะยิ่งสร้างเงื่อนไขความหวาดระแวงให้กับประชาชน

“แต่ถ้ามีการปฏิบัติการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่น กรณีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุฆ่าเจ้าของรถยนต์ไปทำคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี ซึ่งเป็นผู้นำศาสนานั้น มีการดำเนินการตามขั้นตอนก็ไม่มีปัญหา ไม่มีใครว่าอะไร”

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ ดาโหะ เดินทางไปสตูลโดยไม่บอกญาติ และก็กลับมาแล้วอย่างปลอดภัย เรื่องนี้ก็ต้องให้ทางตำรวจเป็นผู้สืบสวนสอบสวนต่อไปตามกระบวนการยุติธรรม

ยันไม่เข้าเกณฑ์กระบวนการควบคุมตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งที่ญาติเดินทางไป ฉก.สงขลา เพื่อติดตามเรื่องนี้ แต่ ฉก.สงขลา ให้ไปฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงที่ สภ.ห้วยปลิงนั้น พ.อ.ชาคริต หยังหลัง ตำแหน่ง เสธ.ฉก.สงขลา เป็นผู้ชี้แจงยืนยันว่ากระบวนการควบคุมตัวแบบนี้ ไม่ได้เป็นขั้นตอนการปฏิบัติของทางราชการ เช่น การควบคุมตัวในเวลากลางคืน จะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมปฏิบัติงานจำนวนมากไม่ใช่แค่ 4 คน การควบคุมตัวจะต้องลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ในท้องที่ เป็นต้น แต่กรณีนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์การปฏิบัติของทางราชการ และในคืนนั้นก็ไม่ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานใดให้เข้าควบคุมตัวดังกล่าวด้วย

 

หมายเหตุ : รายงานชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกใน http://www.deepsouthwatch.org/dsj/th/11168

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net