รอมา 4 ปี-คนไทยเก็บเบอร์รีขึ้นศาลฟินแลนด์ฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัท

หลังจากต้องรอคอยเป็นเวลากว่า 4 ปี ล่าสุด ศาลฟินแลนด์ นัดไต่สวนวันแรก คดีที่กลุ่มคนงานเก็บเบอร์รีชาวไทย 50 คน เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท Ber-ex ในคดีแพ่งเป็นคดีแรก โดยเรียกร้องค่าเสียหายและเงินชดเชยรวม 12 ล้านบาท โดยหนึ่งในแรงงานไทยระบุต้องการฟ้องคดีเพื่อให้กิจการส่งคนงานไปเก็บเบอร์รีต่างประเทศมีการปรับปรุงสภาพการจ้างงาน ขอให้คนที่ไปต่างประเทศได้ทำงานและได้เงินส่งกลับบ้านจริงๆ

ตัวแทนคนงานเก็บเบอร์รีชาวไทย 5 คน จากทั้งหมดที่ยื่นฟ้อง 50 คน เดินทางมาที่เมือง Kajaani จังหวัด Kainuu ประเทศฟินแลนด์ เพื่อขึ้นศาลจังหวัด Kainuu ในคดีที่พวกเขาเป็นโจทก์ฟ้องบริษัท Ber-ex ในคดีแพ่งเป็นคดีแรก หลังจากพวกเขาฟ้องคดีนี้ไว้เมื่อ 4 ปีก่อน (ที่มา: Facebook/Junya Yimprasert)

ตัวแทนคนงานเก็บเบอร์รีชาวไทย 5 คน รวมทั้งทีมทนายความ ขึ้นศาลจังหวัด Kainuu ประเทศฟินแลนด์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ในคดีที่พวกเขาเป็นโจทก์ฟ้องบริษัท Ber-ex ในคดีแพ่งเป็นคดีแรก โดยเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยรวม 12 ล้านบาท (ที่มา: Facebook/Junya Yimprasert)

 

หลังจากต้องรอคอยเป็นเวลากว่า 4 ปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัด Kainuu ประเทศฟินแลนด์ นัดไต่สวนวันแรก คดีที่กลุ่มคนงานเก็บเบอร์รีชาวไทย 50 คน เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท Ber-ex ในคดีแพ่งเป็นคดีแรก โดยเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยรวม 12 ล้านบาท หรือประมาณ 3 แสนยูโร ประกอบด้วยค่าจ้างค้างจ่ายผลไม้ และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างไปทำงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์ ทั้งนี้ฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่า บริษัทเพราะไม่มีจริยธรรมทางธุรกิจและทำให้เกิดความเสียหายกับพวกเขา

โดยศาลฟินแลนด์จะไต่สวนคดีนี้เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 2 มิถุนายน โดยทนายความของคนงานคือ Ville Hoikkala ซึ่งเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนของฟินแลนด์

โดยการไต่สวนที่ศาลฟินแลนด์ดังกล่าว นับเป็นคดีแรก นอกจากนี้กลุ่มคนงานเก็บเบอร์รียังฟ้องในข้อหาค้ามนุษย์ทั้งที่ฟินแลนด์และประเทศไทย โดยที่ประเทศไทย คดีค้ามนุษย์ยังค้างคดีอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI

ทั้งนี้ กลุ่มคนงานเก็บเบอร์รีที่ฟ้องร้องคดีดังกล่าวเมื่อเดือนกันยายนปี 2556 สัปดาห์นี้พวกเขาเดินทางไปให้การต่อศาลฟินแลนด์ 5 คน นอกจากนี้กลุ่มคนงานที่เหลืออีก 40 กว่าคนยังไปรวมตัวกันที่บ้านของคนงานเก็บเบอร์รีที่ อ.พระยืน จ.ขอนแก่น เพื่อรอฟังข่าวการพิจารณาคดีที่พวกเขาเป็นโจกท์ฟ้องบริษัทเก็บเบอร์รีอีกด้วย

วสันต์ หมั่นบ่อแก ชาว จ.ขอนแก่น ให้ปากคำต่อศาลในวันดังกล่าว ระบุว่า ในปี 2556 หลังจากที่มีคนจากบริษัทนายหน้าของบริษัทเก็บเบอร์รี สอบถามเพื่อให้เขาหาคนงานไปเก็บเบอร์รี ทำให้เขาชักชวนคนรู้จักจากพื้นที่ต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางไปฟินแลนด์เพื่อเก็บเบอร์รีกับบริษัท Ber-ex โดยเขาใช้เอกสารที่ทำสัญญากับบริษัทนายหน้าไปเป็นหลักฐานยื่นต่อ ธกส. เพื่อขอกู้เงินด้วย

ทั้งนี้เขายังให้การถึงเรื่องการระบุว่าจะรับซื้อเบอร์รี 1.8 ยูโร ต่อกิโลกรัม แต่เมื่อมาทำงานจริงราคารับซื้อลดเหลือ 1.4 ยูโรต่อกิโลกรัม โดยอ้างข้อความในสัญญาว่าจะรับซื้อตามราคากลไกตลาด ความเสียหายอันเป็นผลจากการบริหารจัดการของบริษัท โดยเขายกเรื่องที่บริษัทย้ายพื้นที่เก็บเบอร์รีจากพื้นที่ซึ่งมีผลเก็บเกี่ยวดี ไปอยู่ในพื้นที่ๆ มีเบอร์รีน้อย ทำให้คนงานเก็บเบอร์รีได้ค่าตอบแทนจากการขายเบอร์รีไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป ทั้งนี้เมื่อคนงานประท้วงและเรียกร้องให้บริษัทนำพวกเขากลับไปในพื้นที่ซึ่งมีเบอร์รี บริษัทก็เปลี่ยนเวลาเดินทางกลับประเทศไทยให้เร็วกว่ากำหนด หรือนำรถบัสมาจอดเพื่อรับกลับเมืองไทย หรือให้ตำรวจมาไล่คนงานจากแคมป์ที่พักอาศัย ทำให้คนงานเก็บเบอร์รีซึ่งไม่มีหนทางไปที่ไหน ตัดสินใจฟ้องคดีที่สถานีตำรวจเมือง Saarijarvi ประเทศฟินแลนด์

ส่วน กรรณิการ์ หมื่นสุข ชาว จ.สกลนคร เป็นอีกรายที่ให้การต่อศาลในวันดังกล่าว ระบุว่า เมื่อปี 2556 เดินทางมาเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์พร้อมด้วยสมาชิกครอบครัว ซึ่งมีทั้งแฟน ป้า ลุง และพี่ชายอีก 2 คน รวมทั้งหมด 6 คน โดยเฉพาะตัวเธอกับแฟนมีหนี้สินรวมกัน 300,000 บาท โดยระหว่างที่รอขึ้นศาลฟินแลนด์ ก็ทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯ พอช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่บ้าน และนำเงินที่ได้ไปจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดจากการไปทำงานเก็บเบอร์รีที่ฟินแลนด์ ทั้งนี้ ครอบครัวของกรรณิการ์ที่เมืองไทย ได้ฝากกำลังใจมาให้ตัวเธอและทีมคนงานที่มาขึ้นศาลที่ฟินแลนด์ด้วย

ด้าน ไพรสันติ จุ้มอังวะ ชาว จ.ชัยภูมิ หนึ่งในห้าคนงานเก็บเบอร์รีที่เดินทางไปขึ้นศาลที่ฟินแลนด์ โดยมีกำหนดให้การในศาลในวันถัดไป กล่าวว่าทางบ้านฝากความหวังไว้กับคนงานที่เดินทางมาขึ้นศาลที่ฟินแลนด์ โดยตั้งใจทำอย่างเต็มที่ หวังให้ได้รับความยุติธรรมกลับมาไม่มากก็น้อย โดยผลจากคดีนี้ เขาหวังให้กิจการส่งคนงานไปเก็บเบอร์รีต่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสภาพการจ้างงาน คนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศในอนาคต เมื่อทำงานแล้วได้เงินส่งกลับบ้านจริงๆ หรือได้มาทำงานอย่างถูกต้อง

โดยในระหว่างที่รอขึ้นศาล ไพรสันติได้ปลูกมันสำปะหลังและอ้อยอยู่กับญาติที่ จ.ชัยภูมิ โดยนำรายได้จากผลผลิตไปชำระดอกเบี้ยของเงินกู้เท่านั้น โดยยังไม่สามารถตัดเงินต้นที่เกิดขึ้นระหว่างไปทำงานที่ฟินแลนด์ได้

 

ภาพเมื่อเดือนกันยายนปี 2556 บริษัทเก็บเบอร์รีแจ้งตำรวจให้มาไล่คนงานออกจากแคมป์ที่พัก แต่เมื่อตำรวจมาถึงได้แจ้งคนงานเก็บเบอร์รีว่าไม่สามารถบังคับให้คนงานออกจากแคมป์ได้ คนงานต้องออกด้วยความสมัครใจ โดยหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้คนงานเก็บเบอร์รีกลุ่มนี้ตัดสินใจฟ้องร้องคดีต่อบริษัท Ber-ex (แฟ้มภาพ)

50 คนงานเก็บเบอร์รีชาวไทยที่แคมป์ Saarijarvi ประเทศฟินแลนด์เมื่อเดือนกันยายนปี 2556 ตัดสินใจฟ้องบริษัทเก็บเบอร์รี Ber-ex หลังประสบสภาพการจ้างงานย่ำแย่และถูกบริษัทกดดันให้เดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด (แฟ้มภาพ)

 

โดยคนงานเก็บเบอร์รี 50 คน ฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัท Ber-Ex มาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2556 โดยในปีดังกล่าวพวกเขาจ่ายเงินค่านายหน้าให้กับบริษัทตัวแทนในประเทศไทย รายละ 68,000 บาท และเมื่อมาถึงฟินแลนด์ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว พวกเขายังจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งอาหาร ยา อุปกรณ์ทำงาน รวมทั้งที่พักและค่ารถที่ต้องจ่ายเองตลอดการทำงาน ซึ่งหลายคนใช้วิธีกู้เงินทั้งจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. หรือแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมทั้งกู้จากบริษัทตัวแทน ทำให้หลายคนมีภาระหนี้รวมเป็นเงินสูงกว่า 160,000 บาท

โดยรูปแบบการทำงานกับบริษัทเก็บเบอร์รีไม่ใช่การจ่ายค่าจ้างประจำ แต่เป็นการใช้แรงงานตัวเองเก็บเบอร์รีให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน แล้วนำมาชั่งน้ำหนักขายกับบริษัท โดยผลไม้ป่าประเภทเบอร์รีในฟินแลนด์ที่นิยมเก็บมี 2 ชนิดหลักคือ ลิงงอนเบอร์รี (lingonberry) หรือที่คนเก็บเบอร์รีนิยมเรียกว่า “หมากแดง” และบลูเบอร์รี (blueberry) ที่คนเก็บเบอร์รีเรียกว่า “หมากดำ” โดยพืชทั้ง 2 ชนิดจะขึ้นเป็นพุ่มเรี่ยดิน คนงานจะต้องก้มตัวอยู่ตลอดเวลาในการเก็บผลไม้ และแบกน้ำหนักผลไม้ที่เก็บได้หลายกิโลกรัมเดินเข้าไปในป่า เนินเขา หรือพื้นที่ๆ คาดว่าจะมีผลไม้ดังกล่าวขึ้นอยู่ วันหนึ่งกินเวลา 12-15 ชั่วโมง จากนั้นรวบรวมผลผลิตมาชั่งน้ำหนักขายให้กับบริษัท ซึ่งเป็นผู้กำหนดราคารับซื้อ โดยจะนำยอดขายมาหักหนี้ที่เกิดขึ้นจากการมาทำงาน

อย่างไรก็ตามในปีที่มีการฟ้องร้องคดีดังกล่าว ราคารับซื้อเบอร์รีต่ำกว่าที่ระบุก่อนเดินทางมาทำงาน เช่น บลูเบอร์รีก่อนเดินทางมีการให้ข้อมูลกับคนงานว่ารับซื้อกิโลกรัมละ 1.8 ยูโร แต่เมื่อมาถึงราคารับซื้อจริงลดเหลือกิโลกรัมละ 1.4 ยูโร ทำให้คนงานเก็บเบอร์รีได้จำนวนเงินไม่พอที่จะหักหนี้สิน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

อนึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา อารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเตือนผู้ที่จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ในช่วงเดือนกรกฎาคมและกันยายนว่า การไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดนและฟินแลนด์มักมีผู้ไม่หวังดีเรียกเก็บค่าใช้จ่ายก่อนไปทำงาน ในอัตราที่สูงกว่ากำหนด นอกจากนี้ยังเป็นงานที่หนักและเสี่ยงอันตรายเนื่องจากผลไม้ป่าจะขึ้นกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ลาดชันเป็นภูเขา บางครั้งต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลในท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด และบางครั้งมีปัญหาอากาศแปรปรวนทำให้ผลไม้มีจำนวนน้อย ไม่สามารถเก็บมาขายได้ตามจำนวนที่ต้องการ ทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน อีกทั้งยังต้องถูกหักค่าใช้จ่ายจากรายได้ที่ได้จากการทำงาน และต้องเก็บผลเบอร์รี่ให้ได้มากกว่า 50 กิโลกรัมต่อวันจึงจะคุ้มค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสวีเดนและฟินแลนด์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการเก็บผลไม้และมีร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น นอกจากนี้ อำนาจในการพิจารณาวีซ่าเป็นของทางการสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไม่สามารถรับรองได้ว่าผู้ยื่นขอวีซ่าจะผ่านการพิจารณาทุกคนหากมีการสมัครไปทำงานกันเป็นจำนวนมาก โดยขอให้คนหางานศึกษาข้อมูลการทำงานให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเดินทาง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท