Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เคยมีนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งขออนุญาตเข้ามาดูงานในโรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่เพราะต้องการเรียนรู้วิชาชีพแพทย์เพื่อตัดสินใจศึกษาต่อ ในวันแรกที่เขามาเราก็ให้เขาติดตามการทำงานไปตลอดทุกที่ทุกเวลาตราบที่เขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่นั้นๆ จากนั้นพอเริ่มตกช่วงเย็นที่เราต้องเริ่มอยู่เวร (ซึ่งอยู่กันถึงเช้า) ลองทายสิว่าเราให้เขาทำอะไร?

แน่นอนว่าเราให้เขากลับไปพักผ่อน เราไม่ได้ให้เขามาอยู่เวรด้วยกับเราถึงเช้าแต่อย่างใด

ทำไมเราไม่ได้ให้เขาอยู่เวรด้วยถึงเช้า? ก็เพราะการอดตาหลับขับตานอนอยู่เวรถึงเช้ามันเป็นพฤติกรรมที่ผิดไปจากชีวิตคนปกติแบบสุดโต่งมาก และยังเป็นสิ่งที่จำเพาะมากกับวิชาชีพแพทย์ ไม่ได้มีอาชีพอื่นอีกสักเท่าไหร่ที่จะต้องมาทำอย่างเดียวกัน ในเมื่อมันเป็นสถานการณ์ที่สุดโต่งและไม่จำเป็นสำหรับวิชาชีพอื่นๆแล้วเราจะมีเหตุผลอะไรให้ต้องเอามันไปบังคับทำกับเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ถ้าเมื่อไหร่เขาเลือกมาเป็นหมอแล้วก็ค่อยให้เขาไปทำตอนนั้น

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่สามารถจะเห็นด้วยเลยกับการที่โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตรเอาทหารเข้ามาฝึกวินัยนักเรียนชั้นประถม

ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการที่เด็กๆจะเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพทหาร เป็นเรื่องดีที่เด็กจะได้รู้จักอาชีพต่างๆเพื่อเค้าจะได้มีความเข้าใจที่กว้างขวางขึ้น ถ้าเป็นการที่ให้ทหารมาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้เด็กเรียนรู้ หรือแม้กระทั่งให้ทหารด้วยกันทำเป็นตัวอย่างให้เด็กดู อันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาครับ ผมเองก็เคยไปเล่าสู่กันฟังให้เด็กๆฟังเหมือนกันว่าอาชีพแพทย์เป็นอย่างไร

แต่โรงพยาบาลไม่อ้างความอดทนแล้วเอาเด็กๆมาอยู่เวรถึงเช้าฉันใด ทหารก็ไม่ควรอ้างวินัยแล้วเอาเด็กๆมาฝึกแบบทหารฉันนั้น เพราะความอดทนหรือวินัยที่ว่ามันอยู่ในระดับที่ผิดปกติจากชีวิตคนทั่วไป และมันไม่มีเหตุอันใดเลยที่จะต้องเอาสถานการณ์สุดโต่งในระดับนั้นไปบังคับทำกับเด็ก มันมีความแตกต่างกันมากระหว่างการเรียนรู้วิชาชีพกับการเอาเรื่องสุดโต่งของอาชีพตัวเองที่ไม่จำเป็นกับใครไปบังคับให้คนอื่นทำ

จากคำบอกเล่าของเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ผ่านผู้ปกครองนั้นได้ใจความว่าในระหว่างกิจกรรมนั้นก็มีการสั่งเดิน สั่งซ้ายหันขวาหัน มีการใช้คำพูดไม่สุภาพกับเด็ก และมีการขู่ว่าจะเลิกช้าหรือส่งเข้าค่ายถ้าไม่เชื่อฟัง ซึ่งเป็นการเอาวินัยทหารแบบที่ทำกันในกองทัพมาบังคับทำกับเด็กอย่างชัดเจน และในเรื่องนี้คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ของมศว ประสานมิตรก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด กลับยอมรับด้วยซ้ำว่าตั้งใจให้ทหารมาฝึกวินัยเด็กจริง

วินัยแบบทหารนั้นนอกจากในกองทัพแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในสังคมยุคปัจจุบัน ใครที่เชื่อว่าวินัยทหารเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักเรียนผมอยากจะขอให้ลองคิดดูสักนิด นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องวินัยแบบที่สั่งซ้ายหันขวาหันก็ต้องทำตามทันที ห้ามตั้งคำถาม ยอมรับให้ผู้ที่มีสถานะเหนือกว่าขู่ตะคอกได้ และให้ทำการลงโทษได้ทันทีที่ขัดคำสั่งแม้แต่เพียงนิดเดียว หรือบางครั้งไม่ต้องขัดคำสั่งก็ยังสามารถสั่งลงโทษได้ด้วยซ้ำ นี่เป็นลักษณะสังคมที่เราต้องการรึ? นอกจากกองทัพแล้วยังมีส่วนไหนในสังคมอีกหรือที่ต้องการวินัยในลักษณะนี้?

ถ้าสถาบันการศึกษาไหนคิดว่านักเรียนของตนเองต้องการวินัยในลักษณะนี้ล่ะก็ ผมคิดว่าสถาบันการศึกษานั้นควรต้องพิจารณาใหม่ได้แล้วว่าตนเองกำลังสร้างบุคคลที่คิดเองได้ทำเองได้ หรือว่ากำลังสร้างหุ่นยนต์ที่ทำได้แค่ปฏิบัติตามคำสั่งอยู่กันแน่ ถ้าอยากจะได้นักเรียนที่มีวินัยก็ไปใช้วินัยในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนถึงจะถูก

นี่ยังไม่นับเรื่องที่การฝึกวินัยทหารนั้นเป็นเชิง "บังคับวินัย" ไม่ใช่เป็นการ "สร้างวินัย" วินัยทหารนั้นมีลักษณะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับวินัยที่จะพาเยาวชนไปสู่การเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก จิตใจใฝ่รู้กล้าค้นหาอะไรใหม่ๆ เพราะวินัยทหารนั้นบังคับมาจากภายนอกไม่ใช่สร้างให้เกิดจากภายใน ตีกรอบแนวทางปฏิบัติไม่ใช่เปิดกว้างให้คิดนอกกรอบ รวมทั้งสั่งสอนให้สยบต่อโครงสร้างและอำนาจไม่ใช่สั่งสอนให้สร้างความเปลี่ยนแปลง

มันมีเหตุผลที่ดีว่าทำไมในปัจจุบันประเทศที่เอาทหารเข้าไปฝึกวินัยในโรงเรียนถึงมีแค่เกาหลีเหนือกับบรรดาประเทศที่กำลังมีสงครามกลางเมือง

ผมเห็นคนในแวดวงการศึกษาและผู้มีอำนาจในสังคมจำนวนนับไม่ถ้วนบอกว่าต้องการเยาวชนที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์คิดนอกกรอบ ถ้าคิดแบบนี้จริงก็ควรจะต้องยุติการเอาแนวคิดทางวินัยแบบทหารออกไปจากสถาบันการศึกษาเสียที และนี่ไม่ได้หมายถึงแค่ให้เลิกนำทหารเข้ามาฝึกวินัยเด็กในโรงเรียน แต่ให้ยุติแนวคิดทางวินัยแบบทหารที่รวมไปถึงรูปแบบอำนาจทุกอย่างที่ปิดกั้นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดว่าเด็กห้ามเถียงครู การที่ครูถูกเสมอไม่เคยผิด ถือตัวยกตนข่มท่าน หรือแม้กระทั่งการที่ครูสามารถลงโทษนักเรียนได้ตามใจโดยไม่ต้องอิงกฎเกณฑ์อะไร สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ได้มีทหารเป็นส่วนร่วมแต่ก็ล้วนถอดแบบมาจากวินัยทหารเป๊ะๆ และควรจะต้องถูกขุดรากถอนโคนออกไปจากการศึกษาไทยเสียที

ไม่งั้นมันก็เข้าทำนองมือถือสากปากถือศีลนั่นแล

 


เกี่ยวกับผู้เขียน: อธิพงศ์ พัฒนเศรษฐพงษ์ เป็นแพทย์ประจำภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net