Skip to main content
sharethis
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนำสื่อลงพื้นที่ดูความคืบหน้าการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ คาดแล้วเสร็จปี 2562  แต่ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เนื่องจากยังมีงานอีก 2 ส่วน 'เทคโนโลยีสารสนเทศ-สาธารณูปโภค' ต้องใช้งบฯ 8,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีงบฯ เนื่องจากตอนทำสัญญาได้ตัดงบฯ ส่วนนี้อออก เพื่อให้มีงบฯ พอในการทำสัญญาก่อสร้างเบี้องต้น
 
 
 
 
ภาพความคืบหน้าในการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ณ เดือน มิ.ย. 2560 ที่มาภาพ: parliament.go.th/newsapa
 
 
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทย รายงานว่านายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำคณะสื่อเยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แยกเกียกกาย พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 38 และคาดว่าโครงสร้างทั้งหมดจะเสร็จได้ภายในสิ้นปี 2562 ในช่วงที่เข้ามาดูแลโครงการนั้น เป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่มีการทุจริต ด้านนายพีระ นาควิมล ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กล่าวว่าแม้ว่าในสิ้นปี 2562 โครงสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะเสร็จ แต่ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เนื่องจากยังมีงานอีก 2 ส่วนที่จะต้องดำเนินการ คืองานเทคโนโลยีสารสนเทศ และงานสาธารณูปโภค ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ และจะต้องขออนุมัติเพิ่มจากคณะรัฐมนตรี เนื่องจากตอนที่ทำสัญญา ได้ตัดงบประมาณในส่วนนี้อออกไป เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอในการทำสัญญาก่อสร้างเบี้องต้น
 
นายพีระ กล่าวว่าปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้า เป็นเพราะติดขัดเรื่องการส่งมอบพื้นที่จากโรงเรียนโยธินบูรณะ 940 วัน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะต้องใช้สนับสนุนในการก่อสร้าง การใช้พื้นที่ประกอบโครงสร้างหลังคา และยังมีปัจจัยอื่น อาทิ การก่อสร้างอาคารใต้ดินที่ติดขัดเรื่องการขนถ่ายดินที่ไม่มีรองรับ และการก่อสร้างห้องประชุม ส.ส. และ ส.ว. เนื่องจากโครงสร้างห้องประชุมดังกล่าวมีน้ำหนักสูงถึง 2,500 ตัน ไม่สามารถใช้เครื่องจักรติดตั้งได้ และยังจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเมื่อติดตั้งแล้วจะไม่มีการรื้อถอนใหม่ เพราะโครงสร้างดังกล่าวมีลักษณะเป็นรูปซาลาเปาคว่ำและเอียงข้างด้วย ส่วนการก่อสร้างเครื่องยอดอาคารนั้น เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการก่อสร้างได้ โดยใช้เวลาถอดแบบ 18 เดือน และติดตั้ง 12 เดือน 
 
สำหรับกรณีที่ฝ่ายการเมืองระบุว่ามีการทุจริตในโครงการนี้จึงทำให้เกิดความล่าช้านั้น นายพีระ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และหากฝ่ายการเมืองมีข้อมูลว่าทุจริตในส่วนใด ขอให้ระบุให้ชัดและแจ้งความดำเนินคดี เพราะตนในฐานะผู้ดูแลโครงการ พร้อมให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจสอบ และยืนยันว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ 2 เม.ย. 2556 จนถึงปัจจุบันเป็นโครงการที่สะอาดที่สุดที่เคยเจอ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net