ประธาน กสม. ส่งหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอทบทวนคำสั่ง 'หัวหน้า คสช. ที่ 31/2560' เพื่อรักษาเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเกษตรกรในที่ดิน ส.ป.ก.
แฟ้มภาพ
18 ก.ย. 2560 รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แจ้งว่า วันนี้ (18 ก.ย.60) วัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อแจ้งมติที่ประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครอง เรื่องข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย ตามนัยมาตรา 257 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพื่อเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทบทวนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 31/2560 เรื่องการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา
วัส กล่าวว่า สาระสำคัญของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 31/2560 กำหนดให้สามารถนำที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้เพื่อประโยชน์ในกิจการอื่น นอกเหนือจากการทำเกษตรกรรมหรือกิจการที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะข้อ 8 ระบุให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินฯ ให้พิจารณาอนุญาตให้สำรวจหรือใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การให้ใช้ที่ดินเพื่อดำเนินกิจการด้านพลังงาน และดำเนินกิจการอื่นอันเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศด้วยนั้น
“ที่ประชุม กสม. เห็นว่าการแก้ไขหรือปรับปรุงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เพื่อรองรับกิจการอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม จะทำให้เจตนารมณ์ของกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป กรณีรัฐต้องการใช้พื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อจัดทำกิจการอื่นอันเป็นประโยชน์สำคัญของชาติโดยส่วนรวมสามารถออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนที่ดินบริเวณนั้นออกจากการเป็นเขตปฏิรูปที่ดินได้” ประธาน กสม. ระบุ
วัส กล่าวอีกว่า ที่ประชุมจึงมีข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้เสนอหัวหน้า คสช. ให้พิจารณาทบทวนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 31/2560 ให้สอดคล้องต่อหลักการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 26 วรรคหนึ่ง และความมุ่งหมายของมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ด้วย
ประธาน กสม. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีควรกำหนดหลักเกณฑ์การชดเชยเยียวยาและคุ้มครองสิทธิของเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้านภายใต้กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนการออกกฎกระทรวง และระเบียบเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ดังกล่าวต้องดำเนินการตามมาตรา 57, 58 และ 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพื่อเป็นหลักประกันว่าสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี จะได้รับการคุ้มครองจากการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้หัวหน้า คสช. ขยายระยะเวลาในการออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 31/2560 ออกไปก่อน