Skip to main content
sharethis
ศาลเลื่อนนัดสืบพยานเหตุสำนักนายกฯ มอบอำนาจให้อัยการไม่ถูกต้อง คดี 5 ชาวบ้านฟ้องเรียกค่าเสียหายเหตุการณ์ทหารพรานยิงปืนใส่รถปี 55 ที่ปุโละปุโย จ.ปัตตานี อีกคดีมารดาอับดุลอาซิฯ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก สตช. ทบ. และสำนักนายกฯ นัดไกล่เกลี่ยโจทก์เสนอเรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน ผู้ประสานงานจำเลยรับไปนำเสนอหน่วยงานต้นสังกัด
 
20 ก.ย. 2560 รายงานข่าวจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมแจ้งว่า จาก เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานี เลื่อนนัดสืบพยานจำเลยกรณีชาวบ้านผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกองทัพบก (ทบ.) และ สำนักนายกรัฐมนตรี จากเหตุการณ์ทหารพรานยิงปืนใส่รถชาวบ้านที่กำลังจะไปละหมาดศพ เมื่อปี 2555 ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ด้วยเหตุพนักงานอัยการฯ ได้แถลงต่อศาลว่า ตนเพิ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ แต่อยู่ระหว่างส่งหนังสือเพื่อให้จำเลยทั้งสองแต่งตั้งเป็นทนายความ จึงขอเลื่อนคดีไปอีกสักนัดเพื่อดำเนินการแต่งตั้งทนายความให้แล้วเสร็จ ให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยทั้งสองมาวานนี้ (19 ก.ย.60)
 
รายงานข่าวระบุว่า วานนี้ เป็นวันนัดสืบพยานจำเลยทั้งสองดังกล่าว ซึ่งมีโจทก์ทั้งห้าซึ่งเป็นชาวบ้านผู้ได้รับความเสียหาย พร้อมทนายความโจทก์ซึ่งมาจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานีและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่รับให้ความช่วยเหลือโจทก์ทั้งห้า และฝ่ายจำเลยมีพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี มาศาล พนักงานอัยการ ในฐานะทนายจำเลย ได้แถลงขอเลื่อนคดีต่อศาล เนื่องด้วยหนังสือมอบอำนาจของสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2  ที่มอบอำนาจให้ตนเป็นทนายความให้นั้นมีข้อบกพร่องเพราะเป็นการมอบอำนาจฉบับเดิมที่ให้ดำเนินคดีต่อศาลปกครอง จึงไม่ใช่การมอบอำนาจให้ดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรมซึ่งหมายรวมถึงศาลจังหวัดปัตตานี หากตนดำเนินการในกระบวนพิจารณาต่อไปอาจส่งผลเสียต่อคดีได้ในอนาคต เพราะถ้ามีการอุทธรณ์ฎีกากันต่อไป ศาลสูงอาจให้ย้อนสำนวนมาดำเนินคดีใหม่ทั้งหมด จึงขอเลื่อนคดีออกไปอีกสักนัดเพื่อให้จำเลยที่ 2 ทำหนังสือมอบอำนาจใหม่ให้ถูกต้อง ฝ่ายโจทก์แถลงไม่คัดค้าน 
 
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวมีเหตุจำเป็น และเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เลื่อนคดีเพื่อให้สำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2  ดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจให้เสร็จเรียบร้อย โดยให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยทั้งสองในวันที่ 7 พ.ย. นี้ เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

ขณะที่วันเดียวกัน (19 ก.ย.60) มูลนิธิผสานวัฒนธรรมแจ้งด้วยว่า ศาลจังหวัดปัตตานีนัดไกล่เกลี่ยและชี้สองสถาน คดีที่ แยนะ สะอะ ฟ้องแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำเลยที่ 1 กองทัพบก (ทบ.) จำเลยที่ 2 และสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 3 ให้ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 3,255,954 บาท จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ภายในบังคับบัญชาของจำเลยทั้งสามใช้อาวุธปืนยิง อับดุลอาซิ เสียชีวิต โดยอ้างว่าได้กระทำไปในขณะปฏิบัติหน้าที่

รายงานข่าวระบุว่าคดีนี้ศาลได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยแล้วปรากฎว่า แยนะ โจทก์ ได้แถลงโดยเสนอขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตนเป็นเงินจำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่ได้ยื่นฟ้อง หากจำเลยทั้งสามยินยอมชำระเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่ตนเสนอ ตนก็ยินดีและพร้อมจะดำเนินการถอนฟ้องคดีต่อจำเลยทั้งสาม เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ประสานงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่ทหารในสังกัด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ผู้ประสานงานของสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 3  ได้รับข้อเสนอดังกล่าวของโจทก์ เพื่อดำเนินการเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตัดสินใจว่าจะตกลงจ่ายค่าเสียหายตามข้อเสนอของโจทก์หรือไม่ ซึ่งมีขั้นตอนปฏิบัติทางราชการที่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร  

หลังจากทำการไกล่เกลี่ยดังกล่าวข้างต้นแล้ว ศาลจึงได้ชี้สองสถานโดยกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ และจำเลยทั้งสามต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด พร้อมทั้งกำหนดวันนัดสืบพยาน ซึ่งฝ่ายโจทก์แถลงประสงค์สืบพยานจำนวน 8 ปาก ใช้เวลา 2 นัด ฝ่ายจำเลยทั้งสามประสงค์จะสืบพยานจำนวน 16 ปาก ใช้เวลา 4 นัด ศาลจึงได้กำหนดวันสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 23-24 มกราคม 2561 นัดสืบพยานจำเลยทั้งสามวันที่ 25-26 และ 30-31 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา09.00น. เป็นต้นไป

มารดาของอับดุลอาซิ (ซึ่งเป็นโจทก์ ระบุว่า หากหน่วยงานของรัฐที่เป็นจำเลย ตกลงตามข้อเสนอของตน คดีก็จะยุติเร็วขึ้นตามเจตนาที่ศาลได้ให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย แต่หากไม่ได้รับการตอบสนอง ตนก็พร้อมที่จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยเรียกร้องค่าเสียหายเต็มจำนวนตามคำฟ้องต่อไป และยังคงเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมจะพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของลูกชายตนซึ่งเสียชีวิตไปแล้วได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net