Skip to main content
sharethis

ปมประกันสังคมจ่อเพิ่มเก็บเงินสมทบผู้ประกันตน รองประธาน คสรท.ตั้งข้อสังเกตเพราะกองทุนประกันสังคมเริ่มเห็นว่าจะมีปัญหาเงินลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของภาครัฐกว่า 56,000 ล้านบาท

ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน' โพสต์วานนี้ พร้อมระบุด้วยว่า การปรับเพิ่มฐานค่าจ้างในการคำนวณอัตราเงินสมทบเพิ่มใหม่  ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

24 ต.ค. 2560 จากกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมขยายเพดานเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จาก 15,000 เป็น 20,000 บาท โดยเก็บร้อยละ 5 ของค่าจ้าง แต่สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท โดย สปส. จะนำเสนอกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาเสนอเข้า ครม. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์ รายงานว่า สมพร ขวัญเนตร รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า การเพิ่มเงินสมทบทั้งส่วนลูกจ้างนายจ้าง ในผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 16,000-20,000 บาทขึ้นไป เงินที่เพิ่มขึ้นตนตั้งข้อสังเกตว่า เพราะกองทุนประกันสังคมเริ่มเห็นว่าจะมีปัญหาเงินลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของภาครัฐกว่า 56,000 ล้านบาท ทั้งๆที่กฎหมายให้รัฐร่วมสมทบจ่ายน้อยกว่านายจ้างลูกจ้างเสียอีก โดยจ่ายในสัดส่วนเพียง 2.75 เปอร์เซ็นต์ หายไปถึง 2.25 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่นายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายตามกฎหมายฝ่ายละ 5 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งเดิมรัฐก็จ่ายเท่ากันหมด แต่มีการแก้กฎหมาย สุดท้ายก็เป็นปัญหาเงินกองทุน

"ผมแค่สงสัยและตั้งคำถามว่า การเพิ่มเงินสมทบครั้งนี้ เพื่อนำมาหมุนก่อนหรือไม่ เพราะสิทธิประโยชน์จริงๆ ที่ได้เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้ว่าแบ่งอย่างไร แต่ที่แน่ๆ กองทุนจะมีเงินเพิ่มขึ้นมา จริงๆแล้วหากรัฐบาลจ่ายเงินที่ค้างสปส.อยู่ ก็จะช่วยได้มาก ปัญหาคือ เมื่อพูดแบบนี้ ทางสปส.จะบอกว่าเป็นปัญหาค้างจ่ายของรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่ถามว่ารัฐบาลไม่ว่าชุดไหน หากมาอยู่ในปัจจุบันก็ต้องเป็นหน้าที่ในการแก้ปัญหาหรือไม่ แบบนี้เหมือนรัฐบาลตีตั๋วเด็ก จ่ายส่งน้อย แต่มาให้ผู้ประกันตนกลุ่มหนึ่งจ่ายเพิ่ม และบอกว่าจะให้สิทธิต่างๆ ซึ่งเรื่องสิทธิที่เพิ่มขึ้นก็ต้องมาแจงว่าตกลงเพิ่มอะไร เอาให้ชัด เพราะจะให้ดีควรเพิ่มในส่วนของเงินบำนาญชราภาพ เพื่อให้ได้มากขึ้น ส่วนอื่นๆ ค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องเอาเงินส่วนนี้ไปเพิ่ม แต่ให้รัฐรับผิดชอบไป เหมือนของสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง)" สมพร กล่าว

รองประธาน คสรท. กล่าวอีกว่า เงินบำนาญชราภาพก็ต้องมีการปรับปรุงด้วย เพราะหากเพิ่มเงินสมทบแล้ว แต่ช่องโหว่ต่างๆยังมีก็ไม่มีประโยชน์ อย่างปกติผู้ประกันตนเมื่อส่งเงินไปไม่ถึง 15 ปีจะได้รับเงินบำเหน็จ หรือกรณีเสียชีวิตก็จะได้ แต่หากส่งเงินเกิน 15 ปีก็จะได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพแทน แต่หากเสียชีวิตทั้งก่อนหรือหลังเกษียณไม่เกิน 5 ปี จะได้รับเงิน 10 เท่าจากเงินบำนาญที่รับเพื่อมอบให้ทายาท ปัญหาคือ หากหลัง 5 ปีก็ไม่ได้รับอะไรเลย เงินบำนาญก็ไม่ได้รับ แบบนี้ต้องแก้ไข จริงๆ แล้วก่อนจะประกาศกฎหมายทั้งเรื่องแก้ไขเงินสมทบ หรือการปฏิรูปกองทุนชราภาพ ควรเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าหารือก่อน ไม่ใช่ประกาศเลย แบบนี้จะมีปัญหาในอนาคต เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางคสรท.จะมีการประชุมประจำทุกเดือน และจะหยิบยกปัญหาของประกันสังคมเข้าหารือด้วยในวันที่ 5 พ.ย. นี้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net