แจง ปิดเขื่อนแม้น้ำสูงกว่าเกณฑ์ ไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ อนุกรรมการไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจ เรียกร้องเปิด-ปิดเขื่อนตามข้อตกลงปี 2558 ยกเลิกการปิดเขื่อน ปลดผู้ว่าฯ - รองผู้ว่าฯ ปลัดรับหนังสือแทนผู้ว่าฯ แล้ว จะส่งให้สำนักนายกฯ ต่อไป 35 องค์กร - นักวิชาการ - นักกิจกรรมลงชื่อสนับสนุนแถลงการณ์
กฤษกรณ์ ศิลารักษ์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูลส่งมอบหนังสือให้กับปลัด จ.อุบลราชธานีที่มารับแทนตัวผู้ว่าราชการจังหวัด จากนั้นจะส่งแฟกซ์ให้กับสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป (ที่มา: กฤษกร ศิลารักษ์)
สืบเนื่องจากวันที่ 19 พ.ย. 2560 ปราโมทย์ ธัญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ทำพิธีปิดประตูเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บาน โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก 3 อำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
กลุ่มสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูลได้ออกแถลงการณ์ในประเด็นการปิดเขื่อนเพื่อชี้แจงว่าการตัดสินใจปิดเขื่อนขัดกับหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลที่ได้กำหนดไว้ ทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการปิดเขื่อนปากมูล ย้าย ผวจ. อุบลราชธานี และรอง ผวจ. อุบลราชธานี และให้รัฐบาลสั่งการไปยังหน่วยต่างๆ ที่เกี่วข้องให้ดำเนินการบริหารจัดการเขื่อนปากมูลตามเกณฑืที่ได้ตกลงกันแล้วเมื่อปี 2558 อย่างเร่งด่วน ลงท้ายด้วยองค์กรและกลุ่มบุคคลที่ลงชื่อสนับสนุน ดังนี้
ที่ สคจ. 046 /2560
20 พฤศจิกายน 2560
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)
เรื่อง การละเมิดข้อตกลงการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล
ความเดิม : นับตั้งแต่รัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ามาบริหารประเทศ สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ได้ทำการเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากเขื่อนปากมูลมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558 รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนปากมูล ขื้น โดยคณะกรรมการอำนวยการ ฯ ได้ประชุมและมีมติ กำหนดเกณฑ์ การบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล ดังนี้
1.เกณฑ์การเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล ตามรายละเอียดดังนี้
1.1 เมื่ออัตราการไหลของน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 เกินกว่า 500 cms (cms หมายถึง ลบ.ม./วินาที)
1.2 หรือ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 ตั้งแต่ 107 ม.รทก (เมตร.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
1.3 หรือ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำห้วยสะคาม ตั้งแต่ 95 ม.รทก (เมตร.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
2. เกณฑ์การปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล ตามรายละเอียดดังนี้
2.1 เมื่ออัตราการไหลของน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 ต่ำกว่า 100 cms (cms หมายถึง ลบ.ม./วินาที)
2.2 หรือ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 ต่ำกว่า 107 ม.รทก (เมตร.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
โดยหลักเกณฑ์ การบริหารจัดการน้ำนี้ เป็นการผลักดันของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี คนก่อน ซึ่งทางสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากไม่สามารถโน้มน้าวให้กรรมการในที่ประชุมเห็นด้วยได้ สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล จึงต้องยอมรับมติที่ประชุมของคณะกรรมการอำนวยการ ฯ ที่กำหนดให้เกณฑ์ ดังกล่าวเป็นกรอบแนวทางในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล และจากนั้นเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำดังกล่าว ได้ถูกน้ำมาใช้ในการบริหารเขื่อนปากมูลนับตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมารับตำแหน่งใหม่ (รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560) ได้เรียกประชุมอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล เพื่อทำการปิดประตูเขื่อนปากมูล และในครั้งนั้นสมัชชาคนจนก็ได้ทำการคัดค้านการประชุม แต่ผู้วาฯเดินหน้าการประชุม แต่ไม่มีมติใดๆ แต่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรียกประชุมอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล ครั้งที่ 5/2560 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี (เป็นการเรียกประชุมครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งเดือน) ซึ่งเป็นการประชุมที่มีการนัดหมายอย่างกระชั้นชิด และเร่งรีบ เพื่อให้ปิดประตูเขื่อนปากมูล ซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ดังนี้
1. เมื่ออัตราการไหลของน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 ต่ำกว่า 100 cms (cms หมายถึง ลบ.ม./วินาที) ขณะที่ข้อเท็จจริงคือ อัตราการไหลของน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 อยู่ที่อัตรา อยู่ที่ 1,431 cms สูงกว่าเกณฑ์ อยู่ที่ 1,331 cms (ข้อมูลระดับและปริมาณน้ำ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560)
2. หรือ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ M7 ต่ำกว่า 107 ม.รทก (เมตร.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ขณะที่ข้อเท็จจริงคือ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ M 7 อยู่ที่ 110.25 ม.รทก สูงกว่าเกณฑ์ อยู่ 3.25 ม.รทก.(ข้อมูลระดับและปริมาณน้ำ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560)
ที่สำคัญ การดำเนินการของคณะอนุกรรมการ ฯ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา เป็นการกระทำที่มีความผิดหลายประการ ดังนี้
-
คณะอนุกรรมการ ฯ ถูกแต่งตั้งขึ้นมานั้น ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ใด ใด ต่อการปิด – เปิดประตูเขื่อนปากมูล มีหน้าที่เพียงแค่ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สำหรับเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการ ฯ (กรรมการชุดใหญ่) เพื่อมีมติให้ดำเนินการอย่างหนึ่ง อย่างใด ต่อไป โดยเฉพาะการปิด – เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
-
ละเมิดเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล ปี 2558 ที่ได้ตกลงกันไว้
-
ฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการอำนวยการฯ อย่างรุนแรง ที่ระบุไว้ในอำนาจหน้าที่ข้อที่ 1 ที่ให้ยึดหลักเกณฑ์ปี 2558 มาเป็นแนวทางปฏิบัติ
-
ฝ่าฝืน มติ คณะรัฐมนตรี วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่ระบุว่า การดำเนินการเกี่ยวกับเขื่อนปากมูล จะต้องมีการหารือผู้เดือดร้อน
ดังนั้นพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่เรียกประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล ถึง 2 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน และยังมีการลงมติที่ขัดกับหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ที่ได้กำหนดไว้นั้น สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล เครือข่ายองค์กรประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และบุคคลที่มีรายชื่อแนบท้ายจดหมายฉบับนี้ ขอเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ดำเนินการ ดังนี้
-
ให้รัฐบาลมีคำสั่ง ให้จังหวัดอุบลราชธานี และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทสไทย (กฟผ.) ยกเลิกการปิดประตูเขื่อนปากมูล โดยเร็ว
-
ให้รัฐบาลย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (นายสฤษดิ์ วิฑูรย์) และรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (นายปราโมทย์ ธัญพืช) เนื่องจากทำผิดหลายประการ
-
ให้รัฐบาลสั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการบริหารจัดการเขื่อนปากมูลตามเกณฑ์ ปี 2558 ที่ได้ตกลงร่วมกันอย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกันควรเร่งเยียวยาความเสียหายให้กับชาวบ้าน โดยเร่งด่วนด้วย
สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล เครือข่ายองค์กรประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และบุคคลที่มีรายชื่อแนบท้ายจดหมายฉบับนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะตระหนักถึงความสำคัญต่อปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านปากมูน (สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล) ที่ได้รับมานานกว่า 25 ปี ด้วยการเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วง และเป็นรูปธรรม
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
เชื่อมั่นในพลังประชาชน
รายชื่อเครือข่ายและบุคคลที่ร่วมลงชื่อ
-
สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล
-
สลัมสี่ภาค
-
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.)
-
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.)
-
สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
-
สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
-
ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติธรรม (สสธ.)
-
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
-
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
-
กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
-
เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
-
เครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิ์
-
กลุ่มรัก บขส.ขอนแก่น
-
เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี
-
องค์กรรักษ์ต้นน้ำตำบลตะแพน จังหวัดพัทลุง
-
เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดพัทลุง
-
ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน จังหวัดพัทลุง
-
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนวิถีไท
-
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอ่างลำพอกและโบราณสถาน ต.ยาง อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
-
เครือข่ายเกษตรเกษตรบึงปากเขื่อน
-
ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติโคกขาม
-
กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมนานาชาติ (IEANA)
-
ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน
-
คณะกรรมการชาวบ้านฟื้นฟูชีวิตและชุมชนลุ่มน้ำมูน (ชชช.)
-
มูลนิธิศักยภาพชุมชน
-
มูลนิธิส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
-
มูลนิธิเอ็มพลัส
-
มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
-
อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ
-
อาจารย์วสันต์ พานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ / ทนายความ
-
นายเดชรัต สุขกำเนิด นักวิชาการ
-
นายชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการ
-
ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ นักวิชาการ
-
นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ ที่ปรึกษาเครือข่ายชุมชนปฏิรูปสังคมและการเมือง
-
คุณศุกาญจน์ตา สุขไผ่ตา นักกิจกรรมด้านแรงงาน
**************
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)