Skip to main content
sharethis
'สรรเสริญ' โฆษกสำนักนายกฯ ระบุข้อมูลดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ปีล่าสุดที่แชร์ในโลกออนไลน์ไม่เป็นความจริง ยืนยันผลคะแนนปี 2560 ยังไม่ประกาศ คาดมีคะแนนดีขึ้น ด้าน 'ประยุทธ์' เปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ลั่นสร้างวัฒนธรรมใหม่ ไม่ทน-ไม่ยอมรับการทุจริตทุกรูปแบบ 
 
 
9 ธ.ค. 2560 พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์โดยระบุว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้ประกาศค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ปีล่าสุดแล้ว โดยไทยมีคะแนนลดลงจากเดิมไปอีกว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะข้อมูลล่าสุดที่องค์กรดังกล่าวได้ประกาศไปนั้นคือ ผลคะแนนของปี 2559 ซึ่งได้เผยแพร่เมื่อเดือน ม.ค.2560 ส่วนผลคะแนนของปี 2560 ยังไม่ได้ประกาศ โดยคาดว่าน่าจะประกาศในเดือน ม.ค.ปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีการนำข้อมูลในปี 2556 ซึ่งไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 102 จาก 177 ประเทศ มาเผยแพร่สร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นปีปัจจุบันอีกด้วย

พลโทสรรเสริญ ระบุด้วยว่า รัฐบาลเชื่อว่า จากความตั้งใจจริงในการปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชันจะทำให้ดัชนีการรับรู้การทุจริตในปี 2560 ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลคะแนนของแต่ละประเทศนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาตินำมาพิจารณาด้วย เช่น ในปี 2559 คะแนนของไทยลดลงเพียง 3 คะแนน แต่อันดับตกลงไปอยู่ที่ 101 จากเมื่อปีก่อนอยู่ที่อันดับ 76 อีกทั้งจำนวนประเทศที่ถูกประเมินมีมากขึ้นถึง 176 ประเทศ จากเดิม 168 ประเทศ และหลายประเทศมีคะแนนเท่ากัน รวมทั้งยังพบว่ามีการนำข้อมูลมาจากแหล่งต่างๆ ถึง 13 แห่ง เพื่อใช้ในการการคิดคะแนน แต่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไทยเพียง 7-8 แห่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสถานการณ์คอร์รัปชันจากการรับรู้ของคนในประเทศเมื่อสิ้นสุดปี 2559 สำรวจโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ปรากฏว่า ดีขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ภาพลักษณ์เรื่องการติดสินบนและคอร์รัปชันที่ประเมินโดย IMD และภาพลักษณ์เรื่องการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐหาประโยชน์ส่วนตัวของ World Justice Project Rule of Law ก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
 
 
'ประยุทธ์' เปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ลั่นสร้างวัฒนธรรมใหม่ ไม่ทน ไม่ยอมรับการทุจริตในทุกรูปแบบ
 
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) พร้อมกล่าวประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตช่วงหนึ่งในงานว่า วันนี้มีความยินดีที่มาร่วมงานนี้ เพราะต้องการให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหาการทุริตคอร์รัปชัน ที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไขแล้ว ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาประเทศไทยสะสมปัญหานี้มานาน และเริ่มส่งผลเสียมากขึ้นในสายตาต่างประเทศ เห็นได้จากผลที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประกาศค่าคะแนนดัชนีการรับการทุจริต หรือ CPI ประจำปี 2559 โดยไทยได้ 35 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 และได้ลำดับที่ 101 จากการจัดอันดับทั้งหมด 176 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับ 6 ใน 10 ประเทศอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลจึงมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นเกิน 50 คะแนนโดยเร็วที่สุด เพื่อทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือและหลุดพ้นจากประเทศที่มีการทุจริต แต่ทั้งหมดนี้ มองว่าเรื่องดังกล่าวอาจไม่ได้หมดไปในทันที เพราะเป็นเรื่องที่เกิดกับประเทศทั่วโลก จากนี้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมกันจะต้องร่วมกันปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีและสร้างวัฒนธรรมใหม่ ไม่ทนและไม่ยอมรับการทุจริต โดยต้องเริ่มจากที่ตนเองก่อน รวมถึงขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่พร้อมเดินหน้าปฎิรูปประเทศที่มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจนแล้ว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าการทุจริตจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ให้ และผู้รับ รวมถึงอาจเป็นรูปแบบนายหน้า ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจากนี้ขอให้ประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตาให้กับประเทศชาติ โดยสามารถแจ้งเบาะแส การทุจริตมาที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินการกับคนกระทำผิดต่อไป สำหรับงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ ที่จัดขึ้นพร้อมกับหลายประเทศทั่วโลกของวันที่ 9 ธันวาคมทุกปี ถือเป็นการแสดงให้นานาชาติเห็นความตั้งใจจริงในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันของไทยอย่างจริงจัง ที่รัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต ปัญหานี้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน อาจจะให้หมดไปโดยทันทีไม่ได้ เกิดจากจิตใจของคน จะทำอย่างไรที่จะปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี สร้างวัฒนธรรมใหม่ให้เกิดขึ้นไม่ทนไม่ยอมรับการทุจริต การคอร์รัปชันอาจไม่ได้มีแค่ประเทศไทย แต่มีหลายประเทศ รัฐบาลจึงกำหนดเป็นวาระแห่งชาติแล้วและพร้อมเดินหน้าทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทุกคนต้องทำหน้าที่แนวคิดตัวเองให้ดีที่สุด การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องได้รับความร่วมมือขากทุกภาคส่วน รัฐได้ร่างระเบียบการต่อต้านด้วยสังคม ทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน สถานศึกษาสังคม ปัจจุบันแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่รัฐบาลยังได้ผลักดันให้นำกลไกเหล่านี้ไปใช้ในทุกระดับ โดยได้กำหนดเป้าหมาย ทั้งมาตรการระยะสั้นกลางยาว โดยเฉพาะการปฎิรูปประเทศเป็นสิ่งที่เราต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ในนามของรัฐบาลที่ช่วยปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติ การทุจริตมีทั้งผู้ให้ ผู้รับและนายหน้า หรือส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยอำนวยความสะดวก จากนี้ขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแส การทุจริตมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการตรวจสอบ ซึ่งส่วนตัวยืนยันว่า การต่อต้านทุจริตควรเริ่มที่ตัวเองก่อน โดยส่วนตัวไม่เคยนัดใครเพื่อนับผลประโยชน์จากใคร ไม่พร้อมเปิดบ้านรับคนที่ต้องการทุจริต
 
 
 
ที่มา: เรียบเรียงจากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [1] [2]
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net