Skip to main content
sharethis

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมตรี เผยใช้ ม.44 แก้กฎหมายพรรคการเมือง จะช่วยทำให้พรรคการเมืองเสมอภาค ไม่มีพรรคไหนได้เปรียบเสียเปรียบ แย้มในคำสั่งจะบอกปลดล็อคเมื่อไหร่  ด้าน กกต. สมชัย เห็นต่างอย่างไรพรรคเก่าก็ได้เปรียบ ชี้การแก้ปัญหาที่ดีต้องรีบปลดล็อค

21 ธ.ค. 2560 วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมออกคำสั่ง คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ขยายกรอบเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า จะทำให้พรรคการเมืองใหม่ และพรรคการเมืองเก่าอยู่ในสถานะที่จะเริ่มต้นไปพร้อมๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่เช่นนั้น พรรคเก่าที่มีสมาชิก มีพรรค มีกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว จะได้เปรียบ เพราะเมื่อให้ทำกิจกรรมได้ ก็สามารถเดินหน้าได้เลย

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ ต้องเริ่มด้วยการจองชื่อพรรค หาสมาชิก และหากรรมการ บริหารพรรค แล้วไปยื่นคำขอจดทะเบียนตั้งพรรค ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจจะพิจารณาให้ตั้งหรือไม่ใน 1 เดือน ตรงนี้จึงถือว่าอาจเสียเปรียบพรรคเก่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องถอยร่นเวลาออกมา 1 เดือน เพื่อให้พรรคใหม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อพรรคการเมืองใหม่ ได้รับคำจดทะเบียนจัดตั้งพรรคแล้ว ก็จะมีสถานะเหมือนกับพรรคการเมืองเก่า ส่วนเงื่อนเวลาที่จะมีการปรับนั้น ในคำสั่งคสช.ที่จะออกมา จะระบุไว้ชัดเจน โดยพยายามยึดเวลาเดิมของกฎหมายพรรคการเมือง ทั้งในกรอบ 90 วันและ 180 วัน ที่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.60 ให้เปลี่ยนไปนับจากวันไหนสักวันหนึ่งแทน ส่วนคำสั่งจะออกมาเมื่อใดนั้นยังไม่ทราบ แม้จะเลื่อนการเริ่มนับวันทำกิจกรรมของพรรคการเมือง ก็ยังไม่มีอะไรส่งผลกระทบกับกำหนดโรดแมปเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองเริ่มทำกิจกรรมทั้งหมดได้เมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า ในคำสั่ง คสช.ดังกล่าวจะบอกไว้ทั้งหมด ว่าจะปลดล็อกเมื่อไหร่ เพื่อให้รู้ล่วงหน้า เมื่อเห็นแล้วก็จะทราบทันที

ขณะที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ขยายเวลาดำเนินการของพรรคการเมืองว่า ในส่วนของ กกต.ไม่มีปัญหาอะไร จะขยายหรือไม่ขยาย เราทำตามได้ทั้งหมด ปัญหาอยู่ที่พรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เพราะไม่รู้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะผ่อนคลายให้พรรคได้ทำกิจกรรมเมื่อใด ซึ่งคิดว่าต้องวางตารางกันให้ดี ถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้มีอำนาจ เฉพาะวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องหารือกันอย่างรอบครอบ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองได้กำหนดสิ่งที่ต้องดำเนินการไว้มาก จึงต้องนำข้อเท็จจริงมาดูกัน ทั้งความเห็นของพรรคการเมืองเก่าและใหม่ อย่าไปคิดเองว่าเขาทำทัน เพราะบางพรรคแม้เป็นพรรคเก่า แต่ไม่เข้มแข็งอาจทำไม่ทันได้ จะกลายเป็นเรื่องของความได้เปรียบเสียเปรียบ จึงควรต้องพิจารณาให้ดี เพื่อที่ออกมาแล้วจะได้ไม่เป็นปัญหา หรือแก้ปัญหาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว

“อย่างตัวเลขบางตัว ก็ไม่แน่ใจว่าผู้มีอำนาจจะรู้หรือไม่ เช่น การขอตั้งพรรคใหม่ กกต.ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 40 หน่วยงาน จึงขอเวลาในการตรวจสอบ 45 วัน ถ้าได้มีการพูดคุยกันว่าระยะเวลาดังกล่าว สามารถย่นย่อได้เพียงใด ก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งหากมีการเชิญ กกต.ไปให้ข้อมูล เราก็พร้อม” สมชัย กล่าว

สมชัย กล่าวด้วยว่า การปลดล็อคบางส่วนไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองที่จะตั้งใหม่ได้เปรียบ เพราะถึงอย่างไรก็ทำได้เพียงในเรื่องของการเตรียมการไว้ เมื่อมีการปลดล็อคทั้งหมด ก็จะถือว่าทุกพรรคการเมือง ทั้งเก่าและใหม่เริ่มสตาร์ทพร้อมกัน ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ยังมีขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการในเรื่องการจดแจ้งจัดตั้ง การประชุมต่าง ๆ ที่ย่อมเสียเปรียบกว่าพรรคการเมืองเก่าที่มีความเป็นพรรคไปแล้ว ยกเว้น คสช.จะให้พรรคใหม่จดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้ตั้งแต่ขณะนี้เลย ก็จะไม่เป็นการเสียเปรียบพรรคเก่า

“เราคงทำให้ทุกพรรคเท่ากันไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ดีที่ คสช.พยายามจะทำให้เท่าเทียมกัน แต่ต้องคิดให้รอบคอบว่าใช้ ม.44 แก้ปัญหาแล้ว เขาจะทำได้ทันจริง ๆ ไม่ใช่ถึงเวลาสตาร์ทแล้วบางพรรคทำไม่ทัน ก็ส่งผู้สมัครไม่ได้ ผมยังเชื่อว่าถึงอย่างไรพรรคเก่าก็ทำทันตามกฎหมายกำหนด ดังนั้นเมื่อมีเจตนาดีก็ต้องคิดที่จะให้เขาทำทันด้วย ไม่ใช่ถึงเวลาก็ให้เขาทำกันแค่เป็นพิธีกรรม ก็จะกลายเป็นสังคมหลอกลวง เราก็ไม่อยากที่จะให้เป็นอย่างนั้น” สมชัย กล่าว

 

เรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย 1 , 2

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net