Skip to main content
sharethis

กสม. ออกระเบียบรับจดแจ้งองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพซึ่งจะมีสิทธิและหน้าที่ในการเสนอชื่อผู้แทนเพื่อเลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการสิทธิฯ ชุดใหม่ 

11 ม.ค. 2561 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สนง.กสม.) แจ้งว่า สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 60 กำหนดให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับใช้ (13 ธ.ค. 60) แต่ยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่

โดยมาตรา 61 (1) (2) และ (3) กำหนดให้จัดทำระเบียบและดำเนินการเกี่ยวกับการจดแจ้ง การรับจดแจ้ง และการเลือกกันเองขององค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพ และให้องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพที่ได้รับการจดแจ้งดำเนินการเลือกกันเองเพื่อเป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จึงมีมติเมื่อวันที่ 9 ม.คที่ผ่านมา เห็นชอบ “ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดแจ้ง การรับจดแจ้ง และการเลือกกันเองขององค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพ พ.ศ. 2561” เพื่อให้มีการจดแจ้งองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพซึ่งจะมีสิทธิและหน้าที่ในการเสนอชื่อผู้แทนเพื่อเลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ ทั้งนี้องค์กรเอกชนที่จะยื่นคำขอจดแจ้งเป็นองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน กำหนดให้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1) เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมายไทย 2) มีวัตถุประสงค์และการดำเนินการเกี่ยวข้องโดยตรงกับการส่งเสริมหรือคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 3) มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันที่จัดตั้ง และมีผลการดำเนินงานเป็นที่ประจักษ์ และ 4) ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือแสวงหากำไรจากการดำเนินการ

สนง.กสม. ระบุด้วยว่า ระเบียบดังกล่าวอยู่ระหว่างการรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา องค์กรเอกชนและสภาวิชาชีพที่สนใจสามารถยื่นคำขอที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อพิจารณาการจดแจ้งเป็นองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และต่อจากนั้นองค์กรเอกชนและสภาวิชาชีพที่ได้รับการจดแจ้งแล้ว จะดำเนินการเลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันต่อไป รายละเอียดต่าง ๆ สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.nhrc.or.th

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net