Skip to main content
sharethis


ผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนขณะเตรียมยื่นขอเลื่อนรับฟังข้อกล่าวหา

การชุมนุมบนสกายวอล์กเรียกร้องการเลือกตั้งและยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ดำเนินอยู่ราว 3 ชั่วโมง มีผู้เข้าร่วมกะคร่าวๆ น่าจะไม่เกิน 200 คน หากไม่รวมกองทัพนักข่าวและนอกเครื่องแบบอีกจำนวนมาก ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเพียงไม่กี่นายคอยควบคุมสถานการณ์ด้านล่างหน้าหอศิลป์ ซึ่งผิดไปจากครั้งอื่นๆ  ไม่มีการห้ามปราม ยื้อยุดฉุกกระชากอะไรกัน การชุมนุมเป็นไปโดยสะดวกโยธิน กลุ่มผู้นำการชุมนุมเริ่มปราศรัยในเวลาเย็นย่ำมากแล้ว โดยใช้โทรโข่งตัวเล็กๆ ผลัดกันพูดราว  2 ชั่วโมง ได้ยินเสียงเพียงกระจุกของนักข่าวด้านหน้าและผู้ที่สนใจร่วมจริงจังกลุ่มหนึ่ง คนอีกจำนวนมากเดินไปเดินมาหรือยืนคุยกันเอง ราวกับมางานดนตรีในสวน พวกเขายิ้มแย้มและนัดแนะกันในการชุมนุมครั้งหน้า 10 ก.พ.

ไม่กี่วันถัดมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ชุมนุม 7 คนในข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และปลุกระดมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ถัดมามีการออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหากับผู้ชุมนุมเพิ่ม รวมเป็น 39 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ นับเป็นครั้งแรกหลังรัฐประหาร (2557) ที่มีการกวาดแจ้งข้อกล่าวหาผู้ไปร่วมชุมนุมในจำนวนมากขนาดนี้ และประกาศว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 66 คน

ในจำนวนนี้มีแม่ลูกคู่หนึ่งที่ถูกดำเนินคดีด้วย นั่นคือ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือที่คนคุ้นเคยในชื่อ “จ่านิว” กับแม่ของเขา พัฒน์นรี ชาญกิจ สิรวิชญ์ถูกดำเนินคดีมาหลายคดีจากการทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล คสช.ของเขา บางคดีสิ้นสุดลงแล้ว ส่วนพัฒน์นรีนั้นโดนคดีใหญ่คือ 112 แต่สามารถประกันตัวได้ระหว่างสู้คดี (อ่านที่นี่)  

หลายคนประเมินว่านี่เป็นแทคติกเพื่อหยุดยั้งการชุมนุมวันที่ 10 ก.พ. เพื่อให้ขาประจำไม่กล้าขยับและสร้างความกลัวให้ผู้คิดเข้าร่วม

หากมองเฉพาะหน้า หลายคนบอกว่าคดีของผู้ชุมนุม 39 คนที่ผิดเพียง พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ซึ่งเป็นข้อหาเล็กน้อยไม่น่ากังวลนัก น่าจะสามารถรับทราบข้อกล่าวหากันแล้วได้รับการปล่อยตัว หากแต่เมื่อชาวบ้านไปถึง สน.ตามนัดหมาย พวกเขาพบว่าตำรวจเตรียมฝากขังและต้องใช้เงินประกันตัว ผู้ต้องหาคนหนึ่งบอกว่า เธอเห็นพัฒน์นรีร่ำไห้ทั้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและรู้สึกสะเทือนใจมาก

เธอกำลังคิดอะไร มันคือน้ำตาของความรู้สึกแบบไหน

เสร็จสิ้นภารกิจจาก สน.ปทุมวัน เธอกลับบ้านไปแล้ว แต่ระหว่างที่เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์เธอก็ยังคงสะอื้นเป็นช่วงๆ ตลอดการสนทนา
 

ก่อนไปรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อทราบเรื่องรู้สึกอย่างไร

มันไม่มีใครคิดเลยว่าจะโดนข้อหาแบบนี้ [วันดังกล่าว] ทุกคนก็เห็นว่าเลิกงานแล้ว ขายของเสร็จแล้วก็มาดูหลานๆ กัน ลึกๆ แล้วทุกคนเครียดหมด แต่ที่ยิ้มกันได้เพราะมีกำลังใจเยอะ

คุยกับทนาย ทนายบอกว่าไม่ได้เป็นคดีร้ายแรง โทษน่าจะแค่เปรียบเทียบปรับ แม่ก็เลยบอกว่าจะไปรายงานตัวพร้อมทุกคน ทั้งที่ใจแม่กลัวมาก เพราะแม่มีเงื่อนไขตอนประกันตัวคดี 112 อยู่แล้วว่าห้ามชุมนุม แม่จะระวังตัวตลอด เวลามีกิจกรรมของนิว แม่จะอยู่รอบนอกมาก จะไม่ไปทำอะไรอยู่แล้ว วันที่ไปสกายวอล์ก แม่ก็อยู่ข้างนอกยืนดูให้เห็นนิวอยู่ในสายตา เพราะถ้านิวโดนจับหรือมีใครปองร้าย เราจะได้รู้ได้เห็นหรือตามได้ทันท่วงที จากประสบการณ์ของแม่เมื่อก่อนแม่เอาแต่ทำงาน ให้นิวทำกิจกรรม แล้วแม่ก็ต้องมาวิ่งตามนิวทีหลัง ไม่รู้เขาจับนิวไปไหน เป็นยังไงแล้ว มันเครียด มันเหนื่อย ช่วงหลังๆ ก็ขอตามไปดูอยู่ในสายตา ทนายก็บอกว่ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็คงได้กลับ ไปสู้กันที่ศาล แต่อาจต้องอยู่ทั้งวันเพราะหลายคน เราก็ทำใจแล้วว่าคงไม่ได้ทำงานวันนี้

พอไปถึงเขาบอกจะส่งตัวไปฝากขังที่ศาล เอ้า มันขนาดนั้นเลยเหรอ แม่ก็เลยจิตตก จะมีปัญหาไหม จะถูกถอนประกันไหม แล้วแม่ก็ร้องไห้ ที่แม่ร้องไห้ เนี่ย พอพูดแล้วมันก็ร้องออกมาเอง (ร้องไห้ สะอื้น)

แม่รู้สึกว่า ยัด 112 แล้วยังไม่หนำใจอีกเหรอ แค่โดนคดีนั้นมันก็แย่มากแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย มันคิดตลอด แม่โดน 112 นิวโดน 116 มันแย่มากนะสำหรับแม่

แล้วการอยู่ในเรือนจำ มันไม่มีเรื่องดีเลย ไม่มีความทรงจำอะไรดีๆ เลย มันไม่ไหว มันก็เลยร้องไห้ออกมาเลย แล้วยิ่งได้ยินคุณโบว์ (ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งในเจ็ดนักกิจกรรม) บอกว่า จะไป ยืนยันว่าบริสุทธิ์ ก็เลยคิดว่า คุณโบว์รู้ไหมว่าในนั้นมันโหดร้ายขนาดไหน และไม่รู้วิธีการจัดการของเขาอีกหรือ แต่สำหรับแม่มันพังไปมากแล้ว แล้วเพิ่งฟื้นกำลังใจ เริ่มออกมายืนในสังคมได้ เริ่มมีการมีงานทำอีกครั้งหนึ่งก็มายัดคดีนี้ที่ทุกคนพูดว่า “คดีไร้สาระ” ให้แม่อีก มันไม่ไหวแล้วไง มันไม่ไหวแล้วไง ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราต้องคิดยาวๆ ถ้าเราไม่อยู่ คนในครอบครัวจะเป็นไง ถ้านิวโดนอีกคน ที่บ้านไม่เหลือใครแล้วไง คราวที่แล้วแม่ยังเบาใจหน่อยว่านิวยังอยู่ มันเลยแค้น จะเอายังไงกับเรา มันจุกหมดเลย มันพูดไม่ถูก


(แฟ้มภาพ) พัฒน์นรี ชาญกิจ ถูกจับคดี 112 
 7 พ.ค. 2559 

หลังจากโดนคดี 112 สภาพเป็นยังไง

ช่วงสองสามเดือนแรก กลายเป็นคนจิตตก ไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้าเจอใคร เพราะมันเจอคนขู่ทำร้าย ขู่ฆ่า จากทางเฟสบุ๊ค เขาอินบ็อกซ์มาเลย ประมาณว่า กูจะเอาลูกมึงไปประจานให้ทั่วโลกรู้เลยว่ามึงมันอีพวกหมิ่นเจ้า, มึงเตรียมย้ายบ้านหนีได้เลย, กูจะตามล่ามึงทั้งบ้าน, มึงกับลูกมันสมควรตาย แม่โดนขนาดนั้น พวกคลั่งเขามาพูดแบบนี้ แม่เครียดมาก แล้วก็ไม่มีงานทำ ไปไหนก็ไม่สบายใจ

ช่วงหลังๆ ก็เริ่มดีขึ้น การขึ้นศาลมันก็ทิ้งห่างมากขึ้น ยอมรับว่าเพิ่งใช้ชีวิตปกติได้เมื่อครึ่งปีหลังของปี 2560 นี่เอง พอเราใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ทุกคนเริ่มลืมหน้าแม่จ่านิว ก็เริ่มมายัดข้อหาให้อีก มันเป็นฟีลที่มันแค้น เราระวังมาก เราไม่ได้ทำอะไรเลย ในเฟสบุ๊คก็โพสต์แต่หมาแมว กับข้าว ทุกครั้งก็แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าเรามาดูลูก เราห่วงลูก แล้วแม่ก็ไม่ได้เป็นนักกิจกรรมมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เจอแบบนี้แม่ไม่ไหวจริงๆ

เมื่อกี้ที่คุณให้เพื่อนแม่พิมพ์ถามมาว่าสัมภาษณ์ได้ไหม แม่พิมพ์ตอบเพื่อนไปก็น้ำตาไหลไป มันไม่รู้จะบรรยายยังไง มันรู้สึกแย่
 

คดี 112 ตอนนั้นโดนฝากขังกี่วัน

นอนที่ สน.ทุ่งสองห้องหนึ่งคืน นอนกองปราบฯ หนึ่งคืน แล้วส่งตัวไปเรือนจำ อยู่ในเรือนจำ 4 ชม. อีกครึ่งชั่วโมงต้องขึ้นเรือนนอนแล้ว ทำใจแล้ว เขาบอกว่าถึงเวลาขึ้นเรือนจำคุณไม่ได้ประกันตัว แม่ผ่านขั้นตอนของเขาทุกอย่าง การตรวจอัตลักษณ์ ตรวจภายในหาสิ่งเสพติด ใส่ชุดนักโทษแล้ว เข้าไปในแดนในของเขาแล้ว เห็นหมดห้องน้ำห้องท่า ความเป็นอยู่ ถึงได้อยากบอกคุณโบว์ว่า อย่าคิดเลยว่า เขาไม่มีสิทธิจะเอาเราเข้าคุก มันไม่ใช่ เข้าใจว่าคุณโบว์ไม่กลัว แม่ก็ไม่กลัวตอนนั้น เราพูดกับตัวเองว่า ในคุกเขาอยู่กันสามสี่พันคนยังอยู่ได้ เราก็ต้องอยู่ได้ พยายามองบวก พอนั่งดูแล้ว กูอยู่ไม่ได้แน่ ถ้าต้องอยู่จะกลั้นใจตาย เราแทงตัวตายไม่ได้ เราผูกคอตายไม่ได้ เราจะกลั้นใจตาย จริงๆ นะ มันไม่ใช่ อยู่ไม่ได้ แล้ววันที่ไปอยู่ในเรือนจำเป็นวันที่มีประจำเดือน แล้วต้องผ่านการตรวจหาสิ่งเสพติด มันโหดร้ายมาก แค่พูดก็ขยะแขยงแล้ว แค่นึกก็ไม่ไหว มันไม่ได้กลัว แต่ทุกวันนี้ใครจะมาบอกเราได้ว่าเธอถูกหรือผิด เราหวังตรงนั้นไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้เราเห็นกันอยู่ว่าสังคมมันเป็นอย่างไร

เราคิดถึงมันแล้วน้ำตาไหล พี่ลูกตาล (สุวรรณา ตาลเหล็ก 1 ใน 39 คน) เขาก็เข้ามากอด เราเลยบอกแกว่า หนึ่งไม่ได้กลัวนะ แต่หนึ่งแค้น หนึ่งไม่ไหวแล้ว (สะอื้น)


ผู้ต้องหาคนอื่นๆ รู้สึกยังไงในวันนี้

มีคนหนึ่งกลัวเรื่องเงินประกัน อาจยังไม่รู้ว่าจะมีการระดมเงินช่วยประกัน พอรู้ว่าต้องใช้เงินสองหมื่นประกันตัว เขาก็ร้องไห้ บอกว่าเขาไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก หลายคนดูแล้วก็น่าจะขัดสนเรื่องเงินทอง ป้าอีกคนหนึ่งบอกว่าเลื่อนเป็นวันที่ 8 ก็ดีจะได้รีบไปหากินหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนนี้ก่อน แต่สำหรับคนอื่นก็ยังมีกำลังใจดี แต่ลึกๆ ของทุกคน การบอกว่าเข้าคุก ไม่มีใครยิ้มรับหรอก ณ ตรงนั้นนั่งกันอยู่ยี่สิบกว่าคน พอรู้ว่าต้องฝากขัง สิ่งแรกที่คิดเลยคือ ครอบครัว หลายคนไม่ได้บอกกล่าวครอบครัวด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ หายไป 3 วันติดต่อญาติไม่ได้เขาจะเป็นยังไง แม่ก็เครียด ยายกับน้องนิวอีก 2 คนจะทำยังไง มันหนักไปหมด ทุกอย่างเริ่มเข้ามา
 

ครอบครัวแม่นิวเองมีสถานะเศรษฐกิจอย่างไร ทำงานอะไร

ช่วงแรกๆ ไม่มีงานเลย เพราะอยู่ในชุมชนของคนที่เป็นเสื้อเหลืองเต็มตัว หลายคนก็ไม่โทรหาอีก หรือขนาดเราโทรไปเขาก็บอกว่าไม่มีงานแล้ว ได้คนใหม่แล้ว ตอนนั้นแม่รับจ้างทำความสะอาดตามบ้านคน ตามออฟฟิศ แต่เป็นฟรีแลนซ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท ตอนนั้นคนปฏิเสธงานเยอะ เราก็อดทนไป เพราะเรารู้ว่าเราโดนอะไรมา แต่ก็ไม่เคยอธิบายกับใคร ไม่ได้บอกว่า พี่ให้หนูทำงานเถอะ หนูไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าเขาไม่ชอบเราก็เฟดตัวเองออกมา แล้วตอนหลังงานก็เริ่มเข้ามาหลังจากพี่หนูหริ่ง (สมบัติ บุญงามอนงค์) คุณโบว์ ช่วยประกาศให้ แต่มันก็เป็นงานที่ไกลเสียมาก พระราม 2 บางแค แต่เราก็ต้องไปเพราะในเมื่อหาเงินใกล้บ้านไม่ได้ก็ต้องไปไกลขึ้น ตอนนี้ก็ยังไม่อยู่ตัวนัก บางวันก็ไม่มีงาน รับทำอะไรได้ก็ต้องทำ ไม่มีข้อแม้อะไรมากมายเพราะเรารับผิดชอบหาเงินเป็นหลักสำหรับดูแล ยาย น้องนิวอีกสองคน เราเองจะทำงานประจำก็ไม่ได้ เดี๋ยวต้องพาแม่ไปหาหมอ เดี๋ยวนิวขึ้นศาล เดี๋ยวแม่ขึ้นศาล แต่ถ้าทำฟรีแลนซ์ เราขอยืดหยุ่นเวลากับคนจ้างได้ ฉะนั้น พูดถึงเรื่องเงินประกันไม่ต้องพูดถึงเลย แต่โดยประสบการณ์เราพอรู้อยู่ว่าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจะช่วยระดมเงินมาช่วย แค่เรื่องปากเรื่องท้องเราก็เครียดมากแล้ว แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่แบกเยอะไปไหม

เมื่อก่อนจะพูดอยู่เสมอว่า นิวมีหน้าที่ต่อสู้สู้ไปเลย หน้าที่เลี้ยงยายเลี้ยงน้องเป็นหน้าที่ของแม่ แล้ววันหนึ่งที่เราโดนคดีเอง (สะอื้น) แล้วเราจะทำหน้าที่นั้นได้อีกไหมล่ะคุณ

มีแต่คนบอกว่า ทำไมไม่ให้นิวเลิกเป็นนักกิจกรรม หางานทำ แม่ก็ได้แต่ย้อนว่า น้องนิวเป็นลูกแม่มันเป็นหน้าที่ของแม่ ยายนิวก็เป็นแม่ของแม่มันจึงเป็นหน้าที่ของแม่ แต่พอโดนคดีเราก็ทำได้น้อยลง
 

ได้คุยกับนิวไหม

นิวเขายังกำลังใจดีอยู่ ยังเป็นนิวของเขาอย่างนั้น แต่เวลาที่เราคุยกันนิวจะไม่แสดงความเครียดหรือความกลัวให้แม่เห็น แม่ก็ไม่แสดงความเครียดความกลัวให้ลูกเห็นเหมือนกัน มนุษย์ทุกคนก็มีความกลัวหมดแต่เราต้องไม่ให้คนอื่นไม่สบายใจ ถ้าเราบอกว่า นิว แม่กลัวนะ แล้วนิวเขาจะคิดยังไง ใช่มั้ย (สะอื้น)
 

ทำไมแม่เข้าใจเขาได้ขนาดนั้น

แม่ไม่รู้จะพูดยังไง บางทีแม่ก็น้อยใจชีวิต บางทีอยากจะบอกว่า คำชมแบบนี้ (สะอื้น) มันฟังแล้วชื่นใจนะ แต่ชีวิตมาเจอะแบบนี้มันช่วยอะไรไม่ได้เลย เวลาใครชม ใครรักนิว แม่ชื่นใจมาก แต่บางทีแม่ก็ท้อ (ร้องไห้)

อีกคำหนึ่งที่แม่สะอึกมาก “เงินแม้ว” แม่ฟังแล้วจุก “นิวรับเงินทักษิณมาทำ” ฟังแล้วจุกมาก คือ คุณหักหาญน้ำใจลูกเราเกินไป (ร้องไห้) แล้วความลำบากในทุกวันนี้ของเรามันลบคำว่า “เงินทักษิณ” ไม่ได้เลยหรือ บ้านเคยค้างค่าเช่าจนเขาจะไล่ ไฟก็เกือบโดนตัด ถ้ามีเงินทักษิณคงไม่ใส่ไหฝังดินซ่อนอยู่หรอก เคยมีใครรู้ถึงความทุกข์ยากของเราบ้างไหม พอพูดเรื่องนี้ออกไปก็ถูกหาว่า เกาะกระแสนิวหากิน แกล้งจน ดราม่า แม่เลยบอกว่า พวกคุณไม่เคยจน คุณไม่รู้หรอกว่าความลำบากมันขนาดไหน วันนี้แม่รู้สึกไม่ไหวจริงๆ ตอนที่ร้องไห้ก็รู้สึกผิด ทุกคนก็บอกว่า ร้องทำไม เขาไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ขนาดนี้ เขาเห็นเราเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แต่วันนี้สิ่งที่เจอมันรู้สึกไม่ไหว
 

ตอนนี้คดี 112 ไปถึงไหน

ตอนนี้เพิ่งสืบเสร็จปากแรกไป แต่มันก็ยังระแวง เหมือนหงอคงมีเหล็กรัดหัว พอทำอะไรขึ้นมาก็ถูกเหล็กรัดให้ปวด (สะอื้น) หรือมันเหมือนมีอะไรปักหลังอยู่ รู้สึกขึ้นได้ก็จะเจ็บแปลบ วันนี้นิวก็เป็นห่วงโทรหาอยู่ว่าเราเป็นยังไงบ้าง และฝากให้กำลังใจป้าๆ แต่นี่เลื่อนไปวันที่ 8 ศรีวราห์เขาก็บอกแล้วว่าต้องฝากขังอยู่ดี เราก็ไม่รู้ว่าจะประกันกันทันไหมเพราะคนเยอะ มันก็ไม่รู้จะต้องเข้าคุกกันไหมระหว่างทำเรื่อง ไม่รู้จะไปยังไง มันเหมือนตัวหมากฮอส หมากรุก ที่เขาจับเราเดิน เราลิขิตชีวิตเราเองด้วยการทำมาหากิน ส่วนอย่างอื่นถ้าคุณเดินพลาดก็โดนกินฮอสไป แม่เหนื่อย และมันเป็นความเหนื่อยที่เราก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net