'หอการค้า' เผยดัชนีคอร์รัปชั่นไทยหล่น อัตราจ่ายใต้โต๊ะพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี เสียหาย 1-2 แสนล้าน

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นมีความรุนแรงมากขึ้น อัตราการจ่ายใต้โต๊ะในปี 60 อยู่ที่ 5-15% ถือว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1-2 แสนล้าน 'วิษณุ' ยัน รบ.แก้ปัญหานี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เอาจริงเอาจัง

แฟ้มภาพ (ที่มา สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์)

16 ก.พ.2561 เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ดัชนีคอร์รัปชั่นของไทยเดือน ธ.ค. 2560 ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย (CSI) อยู่ที่ 52 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนในเดือน มิ.ย.ปีเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ 53 โดยปรับลดลงทั้งดัชนีสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นมีความรุนแรงมากขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ 42 จากครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 44 มีเพียงดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 62 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประมาณการว่า มูลค่าการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 5-15% ของงบประมาณ หรือ 6.62 หมื่นล้านบาท ถึง 1.98 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.29-6.86% ของงบประมาณ กระทบต่อจีดีพีประเทศ 0.41-1.23%

เสาวณีย์ กล่าวอีกว่า สาเหตุสำคัญมาจากกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจ กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใส ความไม่เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ

ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการทำสำรวจมาทั้งหมด 15 ครั้งหรือ 7 ปีครึ่ง ในครั้งนี้น่าห่วงว่ามีแนวโน้มจะกลับมาเพิ่มขึ้นและมีสัญญาณความรุนแรงมากขึ้นหลังจากลดลงมาตลอดตั้งแต่ปี 2558

ธนวรรธน์ กล่าวว่า ค่าดัชนี สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยเริ่มมีสัญญาณดิ่งลงเรื่อยๆ หลังปี 2558 หลังเริ่มมีการ จัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยพบว่า อัตราการจ่ายใต้โต๊ะในปี 2560 อยู่ที่ 5-15% ถือว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2558 ที่จ่ายเฉลี่ย 1-15% และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1-2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (WEF) จะมีการประกาศผลคะแนนดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ของประเทศไทย (CPI) ประจำปี 2560 จากปัจจุบันไทยมีคะแนนอยู่ที่ 35 คะแนน ติดอันดับ 101 จาก 176 ประเทศ ลดลงจากปี 2558 ที่อยู่อันดับ 76

วิษณุ ยัน รบ.แก้ปัญหานี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เอาจริงเอาจัง

วันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยที่พบว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงขึ้น และคาดการณ์ว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในปี 2561 จะรุนแรงขึ้น ว่า รัฐบาลได้เห็นและรับทราบผลสำรวจดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยินดีรับฟัง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดหนึ่ง จากนั้น หน่วยงานใดที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องไปเร่งปรับปรุงและพิจารณาว่าปัญหาอยู่ที่ตรงจุดไหน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมีผลต่อการประเมินประเทศไทยโดยองค์กรตรวจสอบความโปร่งใสนานาชาติ เพราะเป็นตัวชี้วัดคนละตัว องค์กรนั้นก็ทำของเขาไป

ต่อกรณีคำถามที่ว่าเป็นการสะท้อนว่ากลไกของรัฐบาลที่พยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่สามารถทำงานได้ใช่หรือไม่นั้น วิษณุ กล่าวว่า มันสะท้อนทัศนะของคนจำนวนหนึ่ง รัฐบาลมั่นใจว่าได้แก้ปัญหานี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เอาจริงเอาจัง และทำหลายเรื่องทั้งมาตรการทางกฎหมาย มาตรการในทางที่ทำกับตัวบุคคล แต่อาจมีบางจุดที่คนในสังคมยังสงสัยหรือข้อสังเกต ซึ่งต้องทำไปตามกระบวนการที่ยังดำเนินการไม่สิ้นสุด
 
“ยกตัวอย่างกรณีล่าเสือดำในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นเรื่องที่ผมและสังคมติดตามอยู่เช่นกัน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องอยู่ว่ากระบวนการที่เกี่ยวข้องจะจบลงอย่างไร เพราะเรื่องนี้เข้าสู่คดีแล้วซึ่งนำไปสู่การมีโทษ ต่างจากการทุจริตที่มีหลายเรื่องเป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยและทำให้เกิดความรู้สึก ดังนั้น เราจะเอาสิ่งที่เป็นคดีแล้วไปปะปนกับเรื่องทุจริตที่เป็นการกล่าวหา คงไม่ได้ ซึ่งผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ทำออกมานี้ดูจะเป็นเรื่องเพอร์เซพชั่นที่อาจชัด เพราะเขาไปสำรวจจากสำนักงานทนายความ นักลงทุน ผู้ประกอบการที่เคยจ่ายเงินใต้โต๊ะ-บนโต๊ะ” วิษณุ กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท