Skip to main content
sharethis
‘เครือข่ายเกษตรทางเลือก’ เตือน หาก ครม.ไฟเขียวนำเข้าข้าวสาลีเสรี ส่งผลต่อเกษตรกรไทยแน่ ลั่นอย่าอ้างประโยชน์ชาติ ขณะที่ สมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ ร้องประยุทธ์เลิกมาตรการบีบซื้อข้าวโพดกับข้าวสาลีสัดส่วน 3 ต่อ 1  
 
 
2 มี.ค.2561 จากกรณีที่ แหล่งข่าวจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" วานนี้ (1 มี.ค.61) ว่า ในวันนี้ เกษตรกรปศุสัตว์กว่า 100 คนจะรวมตัวกันที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายกรัฐมนตรี หลังขาดทุนจากราคาข้าวโพดสูงเกินจริง อันเป็นผลจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ใช้นโยบายรัฐเอื้อประโยชน์กลุ่มพ่อค้าพืชไร่ นั้น
อุบล อยู่หว้า ประธานเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนภาคอีสาน หนึ่งในแกนนำกลุ่ม People Go Network 
 
ล่าสุด รายงานข่าวแจ้งว่า อุบล อยู่หว้า ประธานเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนภาคอีสาน หนึ่งในแกนนำกลุ่ม People Go Network ซึ่งจัดกิจกรรมเดินมิตรภาพ ให้สัมภาษณ์ว่า คำแถลงของนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยสะท้อนว่า ทุนใหญ่ยึดประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง และน่าสงสัยว่า ได้ส่งสัญญาณอะไรกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะประชุมในสัปดาห์นี้หรือไม่ และจะนำไปสู่การตัดสินใจยกเลิกเงื่อนไขจำกัดการนำเข้าข้าวสาลี โดยกำหนดให้ซื้อข้าวโพดในประเทศก่อน 3 ส่วน ถึงจะนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ซึ่งหาก ครม.มีมติอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเสรี จะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพด และเกษตรกรในภาคเหนือจำนวนมากจะทุกข์ระทมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
 
“ผมไม่ได้ต่อต้านการผลิตอุตสาหกรรมปศุสัตว์เพื่อส่งออก แต่มันต้องอยู่ในระดับสมดุลกับปลายข้าวของรำ ของข้าวโพดที่ผลิตได้ โดยไม่ทำลายทรัพยากรของส่วนร่วม ไม่ใช่ผลิตเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด เอาให้หมดอย่างหน้ามืด โดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิตคนเล็กคนน้อย และทรัพยากรของส่วนรวม ซึ่งเหตุปัจจัยหนึ่งที่ราคาข้าวต่ำมากตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือการนำเข้าปลายข้าวสาลีในปริมาณมากของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในไทย ซึ่งกระทบราคาข้าว และข้าวโพด จากการที่ทุนใหญ่เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง” อุบล กล่าว
 
ตัวแทนจากเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน กล่าวต่อไปว่า บริษัทใหญ่ใช้พื้นที่ป่าในการผลิตข้าวโพดมากกว่า 3 ล้านไร่ โดยใช้พื้นที่ทรัพยากรสาธารณะของประเทศเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้ตัวเอง เมื่อตกเป็นจำเลยสังคมก็ค่อยๆ ถอยจากการผลิตข้าวโพดสู่พื้นที่อื่น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผลิตข้าวโพดเป็นพืชหลังนา หรือในฤดูนาปรัง ซึ่งการขยายพื้นที่เพาะปลูกใหม่อาจยังไม่ได้ขยายอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี บริษัทควรใช้ข้าวในประเทศเพื่อทำอาหารสัตว์ หรือใช้ข้าวเสียจากนโยบายของรัฐบาลก่อนๆ มาผลิตเป็นอาหารสัตว์ หากนึกถึงความเป็นธรรมที่จะเกิดกับคนเล็กคนน้อยในประเทศ ไม่ใช่การใช้แผ่นดินไทยไปเป็นพื้นที่ผลิตอาหารให้ชาวโลก โดยอ้างผลประโยชน์ของชาติ แล้วทิ้งเกษตรกรคนเล็กคนน้อย โดยไม่รับผิดชอบเลย ซึ่งไม่ถูกต้อง
 
สำหรับวันนี้ (2 มี.ค. 2561) อัยการธัญญบุรีแจ้งให้ทีมเดินมิตรภาพทั้ง 8 คนที่ถูกดำเนินคดีข้อหาขัดคำสั่งคสช. ที่ 3/2558 ต้องไปรายงานตัวเวลา 10.30 น. โดยขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งฟ้องไม่ฟ้องไปเป็นวันที่ 29 มี.ค.นี้
 

ผู้เลี้ยงสัตว์ ร้อง ประยุทธ์เลิกมาตรการบีบซื้อข้าวโพดกับข้าวสาลีสัดส่วน 3 ต่อ 1  

ขณะที่ คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งก.พ.) วีระพงษ์ ปัญจวัฒนกุล  นายกฯสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ พร้อมด้วย สุรชัย สุทธิธรรม นายกฯสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ นำสมาชิกสมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ สมาคผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและส่งออก และเกษตกรภาคปศุสัตว์ เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อขอให้ยกเลิกมาตรการรับซื้อข้าวโพด 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน เนื่องจากเห็นว่ามาตรการดังกล่าวเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่ม หรือพ่อค้าคนกลางซึ่งไม่ใช่เกษตรกร จนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ ทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุนจนต้องลดจำนวนการเลี้ยงสัตว์ลงเป็นจำนวนมาก 

วีระพงษ์ กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์พยายามขอเข้าพบรมว.พาณิชย์หลายครั้ง เพื่ออธิบายความเดือดร้อนแต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากนายกฯ หวังว่าท่านจะรับทราบถึงความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับการสนใจนี้.

 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net