Skip to main content
sharethis

ภรรยาทนายสมชาย ย้ำ ผ่านมา 14 ปี ได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่ารัฐบาลพลเรือน หรือรัฐบาลทหาร รัฐบาลคนดี/คนไม่ดี การอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมโดยรัฐไม่เคยเกิดขึ้นจริง และการงดเว้นโทษกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป

12 มี.ค.2561 เนื่องในวันครบรอบ 14 ปี ที่ สมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ซึ่งว่าความให้ผู้ต้องหาคดีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกทำให้เป็นบุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเขาถูกอุ้มหายเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2547 และไม่มีใครพบร่างของเขาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น

วันนี้ (12 มี.ค.61) อังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะครอบครัวสมชาย ออกแถลงการณ์ 14 ปี ไร้ซึ่งความยุติธรรม โดยระบุว่า หลังศาลฎีกายกฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว สมชาย เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 58 ตนตั้งใจว่าจะเลิกทวงถามการดำเนินการติดตามหาตัวทนายสมชายจากรัฐ แต่ในฐานะพลเมืองที่ถูกละเมิดสิทธิ ตนจะเฝ้ามองการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของรัฐในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่สมชายและครอบครัว

อังคณา โพสต์ภาพที่ตนเองวางช่อดอกไม้เพื่อรำลึกถึงสมชาย ไว้ข้างถนน พร้อมโพสต์แถลงการณ์ดังกล่าว

อังคณา แถลงว่า ผิดหวังและเสียใจอย่างยิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีหนังสือถึงครอบครัวเพื่อแจ้งงดการสอบสวนคดีสมชาย หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีการฆาตกรรมสมชายเป็นคดีพิเศษ และใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนยาวนานถึง 12 ปี โดยหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งครอบครัวให้ทราบด้วยข้อความเพียงสั้นๆเพียงว่า “การสอบสวนคดีสมชายได้เสร็จสิ้นแล้ว โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรงดการสอบสวนเนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด” พูดง่ายๆ คือ เมื่อหาคนผิดไม่ได้ก็จบๆ ไป

นับแต่ DSI รับคดีสมชายเป็นคดีพิเศษ นั้น อังคณา ระบุว่า ตนเชื่อว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เคยมีความเต็มใจในการคลี่คลายคดีสมชาย ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้ายังจำกันได้เมื่อปลายปี 2556 อดีตผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ ได้ให้ข่าวแก่สาธารณะว่า แฟ้มเอกสารคดีสมชายหายไป แต่ต่อมาอีกไม่ถึงสัปดาห์ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกมาให้ข่าวอีกครั้งว่าแฟ้มคดีสมชายไม่ได้หายไปไหน การไม่ให้ความสำคัญว่า การที่คนๆ หนึ่งถูกอุ้มฆ่าโดยเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเรื่องร้ายแรงที่รัฐต้องรีบเร่งดำเนินการ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษงดการสอบสวนคดีสมชายโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของครอบครัวและสังคม

อังคณา แถลงต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการคลี่คลายคดีอาชญากรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญ รัฐบาลต้องมีเจตจำนงทางการเมือง (Political Will) ต้องมีเจตนาที่แน่วแน่มั่นคงในการที่จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด สำหรับคดีสมชาย ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า ดิฉันเฝ้าติดตามคดีโดยตลอดว่ารัฐจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวอย่างไร

"ผ่านมา 14 ปี ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่ารัฐบาลพลเรือน หรือรัฐบาลทหาร รัฐบาลคนดี หรือคนไม่ดี การอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมโดยรัฐไม่เคยเกิดขึ้นจริง และการงดเว้นโทษกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป" อังคณา แถลง

สำหรับการเยียวยาด้วยตัวเงินที่รัฐให้แก่ครอบครัวสมชายนั้น อังคณา ระบุว่า เป็นแค่การสงเคราะห์ มากกว่าการสำนึกผิดในสิ่งที่รัฐได้กระทำไป สำหรับตนแล้ว สิ่งที่เหยื่อและครอบครัวต้องการคือความรับผิดชอบจากรัฐ ความรับผิดชอบหมายถึงการเปิดเผยความจริงถึงที่อยู่และชะตากรรมของผู้สูญหาย การนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และการฟื้นฟูเยียวยาครอบครัว อาชญากรรมที่เกิดจากรัฐ รัฐต้องร่วมรับทุกข์กับเหยื่อ ไม่ใช่ปล่อยให้เหยื่อเผชิญความยากลำบากแต่เพียงลำพัง รัฐต้องไม่มืดบอดในการรับรู้ความทุกข์ยากของประชาชน การให้เงินชดใช้ความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้หมายความว่ารัฐและหน่วยงานความมั่นคงจะหลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญ การให้ค่าชดเชยด้วยเงินจำนวนมากก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าการละเมิดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ภรรยาทนายสมชาย ระบุอีกว่า 14 ปีการสูญหายทนายสมชาย ได้แสดงให้เห็นถึงการแปรเปลี่ยนจากอาชญากรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ มาสู่ความความไม่เป็นธรรมจากการละเลยเพิกเฉยในการอำนวยความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทยบนพื้นฐานและการขาดเจตจำนงทางการเมืองเห็นได้จากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษงดการสอบสวนคดีสมชาย และสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่รับรองพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ....

"ในช่วง 14 ปี ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แม้จะขมขื่นและผิดหวังแต่ดิฉันไม่เคยอาฆาตแค้น ไม่เคยมีอคติหรือความเกลียดชัง เวลาที่ผ่านไปทำให้รู้จักอดทน มีเมตตา และยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่ไม่ใช่แค่เพียงตัวเองและครอบครัว แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทุกคนเสมอภาคกันทางกฎหมาย และผู้กระทำผิดต้องรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม" อังคณา แถลง พร้อมระบุว่า สมชาย ไม่ต่างจากผู้สูญหายอีกมากมายที่ไม่มีใครทราบที่อยู่และชะตากรรม ไม่มีหลุมศพให้รำลึกถึง

"วันนี้ ดิฉันจึงขอวางช่อดอกไม้เพื่อรำลึกถึงสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชนไว้ข้างถนนเพื่อให้คนที่ผ่านไปมาที่อาจมีโอกาสได้พบเขา ได้โปรดฝากความรักและความระลึกถึงจากครอบครัวไปยังเขาด้วย" อังคณา ระบุท้ายคำแถลงเนื่องในวันครบรอบ 14 ปี ที่ สมชาย ถูกทำให้เป็นบุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net