รมว.พณ.ห่วงหลังขึ้นค่าแรง 1 เม.ย.สั่งดูราคาเข้ม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2561 เป็นต้นไป การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าจะการศึกษาของกรมการค้าภายใน จะพบว่าค่าแรงมีผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าไม่มากนัก แต่จะมีการกำชับให้ทางกรมการค้าภายใน ออกไปตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าให้เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะป้องปรามไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่สมควร
ในขณะที่ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่าในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้แรงงานเข้มข้น ประกอบด้วย กลุ่มอาหารแปรรูป,สิ่งทอ,ผ้าผืน มาหารือร่วมกัน พร้อมกับวางแผนการจัดงาน Back to School ลดราคาสินค้าชุดนักเรียนรับเปิดเทอม ดูแลค่าครองชีพให้กับผู้ปกครอง
ก.แรงงาน สร้างความเข้าใจการทำสัญญาจ้าง การจ่ายค่าจ้างแรงงานประมงทะเล ตาม กม. คุ้มครองแรงงานแก่นายจ้าง
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการประชุมชี้แจง เรื่อง การทำสัญญาจ้างและการจ่ายค่าจ้างแรงงานประมงทะเล เพื่อแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม รุ่นที่ 2 ณ เดอะเกรซ อัมพวา รีสอร์ท อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม วันนี้ (16 มี.ค. 2561) โดยกล่าวว่า “สืบเนื่องจากแบบสัญญาจ้างที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนโดยจ่ายผ่านบัญชีธนาคาร และนายจ้างเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน ซึ่งต้องบัญญัติแบบให้สอดคล้องกับมาตรา 82 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เพื่อให้นายจ้างในกิจการประมงทะเล ได้มีความรู้ ความเข้าใจในการทำสัญญาจ้างและการจ่ายเงินผ่านธนาคาร กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงให้กองคุ้มครองแรงงานจัดโครงการประชุมชี้แจง เรื่อง การทำสัญญาจ้างและการจ่ายค่าจ้างแรงงานประมงทะเล ในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำสัญญาจ้าง และการจ่ายค่าจ้างแรงงานประมงทะเลตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้องกับข้อกฎหมายและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปัญหา อุปสรรค เพื่อสร้างการร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing)”
โดยโครงการนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐ ธนาคารพาณิชย์ สมาคมประมง ผู้ประกอบการประมงทะเล แรงงานประมงทะเลในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตราด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จำนวน 260 คน ระยะเวลาการประชุมจำนวน 1 วัน และได้เชิญวิทยากรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มาบรรยายให้ความรู้ เรื่อง กฎหมายคุ้มครองแรงงาน แบบสัญญาจ้างลูกจ้างประมง การจัดทำบัญชีการจ่ายค่าจ้าง และการส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์ในสถานประกอบกิจการประมงทะเล ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุม โดยมีการซักถามปัญหาและอุปสรรคตลอดการประชุมอีกด้วย
ที่มา: กระทรวงแรงงาน, 17/3/2561
สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูนร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวไทยภูเขา 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน
นางณฐมน ปัทมะสุคนธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน เปิดเผยว่าสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง ได้ดำเนินการพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับชาวไทยภูเขา สานต่อที่พ่อทำ สืบสานพระราชปณิธานของพ่อหลวง" เพื่อมุ่งหวังที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวไทยภูเขา 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้มีอาชีพ โดยมีชาวไทยภูเขาจาก 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน และแม่ฮ่องสอน จำนวน 40 คน
สำหรับการฝึกอบรมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับชาวไทยภูเขา มีจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 1 หลักสูตร ช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 5 -11 มีนาคม 2561 และรุ่นที่ 2 หลักสูตร การตัดเย็บชุดเดรส ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 15 – 19 มีนาคม 2561
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการอนุรักษ์ ภูมิปัญญาด้านหัตถกรรมดั้งเดิมของชนเผ่าและส่งเสริมการพัฒนา ประยุกต์สินค้าชนเผ่าให้เป็นที่พึงพอใจของผู้ซื้อ รวมถึงเพิ่มศักยภาพด้านการออกแบบ และด้านการตลาด ทำให้เกิดการจ้างงาน มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชุมชนเข้มแข็งต่อไป
ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน, 16/3/2561
แม่ค้าจันทบุรีร้องสื่อพบแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวหมู (นามสมมติ) แม่ค้าขายผักสด ในตลาดสดสวนมะม่วง ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ว่ามีแรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ทั้งชายหญิง กว่า 10 คน ตั้งแผงมาเช่าที่ขายผักสดกว่า 10 แผง แย่งอาชีพคนไทยโดยไม่สนใจกฎหมายไทย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบแรงงานชาวกัมพูชาเปิดแผงขายผักสด และแผงขายผลไม้กว่า 10 แผง ตามที่พ่อค้าแม่ค้าร้องเรียนจริง
โดยพบว่าแรงงานชาวกัมพูชาเปิดแผงขายผักสด และขายผลไม้อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย นอกจากนี้บางแผงชาวกัมพูชาลงทุนจ้างคนไทยมาเป็นนายจ้าง หากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ สร้างความเดือนร้อนให้กับพ่อค้าแม่ค้าคนไทยมานาน ทั้งนี้ตลอดเวลาพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดสวนมะม่วง เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องก็เงียบเฉย
จากการสอบถามนางสาวหมู เล่าว่า ในตลาดสดสวนมะม่วงมีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชามารับจ้างเข็นผักและยกของหลายคน แต่จะมีบางคนเริ่มตั้งตัวโดยการไปรับผักจากตลาดโบลิ่งมาขายเอง โดยไม่มีนายจ้าง และบางคนยอมลงทุนจ้างคนไทยเป็นนายจ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมและตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในส่วนนี้ตนเอง และเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ไปแล้วแต่เรื่องเงียบหาย ทำให้มีแรงงานกัมพูชาเริ่มมาเช่าแผงขายของเพิ่มมากขึ้น ทั้งตลาดเช้าและตลาดเย็น จึงอยากวอนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเข้าบุกตรวจ และจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายให้ด้วย
ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, 16/3/2561
แนะผู้ประกันตน ม.39 ต้องส่งเงินสมทบภายในระยะเวลา 12 เดือน ให้ครบ 9 เดือน เพื่อป้องกันการสิ้นสภาพ
14 มี.ค. 2561- นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการสิ้นสภาพความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งเกิดจากสาเหตุสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนเนื่องจากขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือภายในระยะเวลา 12 เดือน ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน
"จากการรายงานข้อมูลของผู้ประกันตนมาตรา 39 พบว่ายังมีผู้ประกันตนมาตรา 39 ยังคงค้างชำระเงินสมทบงวดเดือนมกราคม 2561 มีจำนวน 87,299 ราย และค้างชำระเงินสมทบงวดเดือนธันวาคม 2560 มกราคม 2561 จำนวน 18,278 ราย ซึ่งผู้ประกันตนกลุ่มดังกล่าวสุ่มเสี่ยงต่อการขาดส่งเงินสมทบ ซึ่งจะมีผลทำให้สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนทันที ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการแจ้งเตือน เป็นหนังสือให้ผู้ประกันตนกลุ่มดังกล่าวให้รีบมาดำเนินการส่งเงินสมทบให้ครบถ้วนอย่างเร่งด่วนแล้ว"นพ.สุรเดช กล่าว
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำถึงผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมในขณะนี้จำนวน 1,381,055 คน หมั่นให้ความสำคัญในการตรวจสอบการนำส่งเงินสมทบด้วยตนเองกับสำนักงานประกันสังคมอย่างสม่ำเสมอ และควรนำส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกันตนขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือภายในระยะเวลา 12 เดือน ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน จะสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนทันที
นพ.นุรเดช กล่างอีกว่า อย่างไรก็ดีสำนักงานประกันสังคมได้อำนวยความสะดวกในการชำระเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งมีกำหนดชำระเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของทุกเดือนอยู่หลากหลายช่องทางด้วยกัน
นพ.สุรเดช กล่าวอีกว่า ดังนี้ จ่ายเงินสมทบได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา หรือหักผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงเทพ จ่ายด้วยเงินสดได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย และธนาคารธนชาต และจ่ายผ่านระบบ Pay at Post ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หรือจ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซ็นเพย์ (เซ็นทรัล)
"ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)" เลขาธิการ สปส.กล่าวในที่สุด
กสร.เอาผิดนายจ้างเชียงใหม่ 2 รายไม่ปฏิบัติตาม กม.แรงงาน
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยกรณีที่มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ช่วยเหลือลูกจ้างต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน ซึ่งหนีออกมาจากนายจ้าง และโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า เมื่อได้รับเรื่องดังกล่าวจึงได้ส่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่เข้าช่วยเหลือทันที โดยร่วมกับทีมสหวิชาชีพคัดแยกผู้เสียหาย ซึ่งสรุปผลการคัดแยกได้ว่า ลูกจ้างทั้ง 7 คนเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้ส่งตัวเข้าพักและอยู่ในการดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวเชียงใหม่ เพื่อรอการสืบสวนของตำรวจ และจากการสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากลูกจ้างพบว่า ทั้ง 7 คนเป็นลูกจ้างในสวนสตรอเบอร์รี่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแม่เกี๋ยะ ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สืบทราบว่ามีนายจ้าง รวม 2 คน พนักงานตรวจแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายจ้างทั้ง 2 รายนี้ ไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สำหรับการหักค่าจ้างตามมาตรา 76 อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันและพิสูจน์ให้เห็นความผิด ในส่วนของคดีแพ่ง มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาได้นำลูกจ้างทั้ง 7 คน เข้ายื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อเรียกร้องค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างขั้นต่ำ และค่าทำงานในวันหยุด
ก.แรงงาน จับมือกรมราชทัณฑ์ สถานประกอบการ คัดเลือกผู้ต้องขังชั้นดี ผู้ที่กำลังจะพ้นโทษ 3.7 หมื่นคนมีอาชีพ คืนคนดีสู่สังคม
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.61 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมโครงการประชารัฐ ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามโครงการ "โรงงานในเรือนจำ" ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ 346,470 คน จากเรือนจำทั้งหมด 143 แห่ง ส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 18 - 35 ปี กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายที่จะให้ผู้ต้องขังเหล่านี้ได้เข้าร่วมโครงการ "โรงงานในเรือนจำ" โดยในปี 2561 ได้ตั้งเป้าหมายไว้จำนวน 37,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้พ้นโทษ 10,000 คน และนักโทษชั้นดี 27,000 คนซึ่งจะฝึกทักษะและฝึกอาชีพเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ โดยจะสอบถามความต้องการของผู้ต้องขังถึงความต้องการที่จะทำงานในสถานประกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระ เพื่อจะได้ดำเนินการตามความสมัครใจ
ทั้งนี้ โครงการ "โรงงานในเรือนจำ" เป็นความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐระหว่างกระทรวงแรงงาน กรมราชทัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการหารือในวันนี้มีสถานประกอบการตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 40 แห่ง โดยกระทรวงแรงงานจะบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ป.ป.ส. และกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการคัดกรองผู้ต้องขังชั้นดี เป็นผู้มีวินัย และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ความเชื่อมั่นและสอดคล้องตามความต้องการของผู้ประกอบการ สำหรับลักษณะงานที่จะให้ผู้ต้องขังทำนั้น อาทิ ช่างทำทอง เย็บรองเท้าขุดลอกท่อ ตัดหญ้า ทาสีอาคาร เป็นต้น
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน หารือในรายละเอียดกับกรมราชทัณฑ์ ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจนให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อทำให้เกิดการขับเคลื่อนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมคนดีสู่สังคมอีกด้วย
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 14/3/2561
เพื่อไทยยื่นนายกฯ จี้ปฏิรูประบบจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว เสนอใช้แอพฯคัดกรองข้อมูล พร้อมเพิ่มจุดบริการ
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ คณะทำงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูประบบจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเนื่องจากปัจจุบัน มีแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยกว่า 3 ล้านคน แต่ลงทะเบียนไปเพียง 1 ล้านคน เหลืออีก 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ขณะที่การลงทะเบียนจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งเหลือเพียง 15 วันเท่านั้น จึงอาจส่งผลให้แรงงานต่างด้าวที่เหลือลงทะเบียนไม่ทัน และอาจจะก่อปัญหาในอนาคต ส่วนตัวจึงเสนอให้รัฐบาลใช้แอพพลิเคชั่นออนไลน์มาคัดกรองข้อมูลพื้นฐานในเบื้องต้น รวมถึงเพิ่มจุดลงทะเบียนที่ปัจจุบันมีเพียง 80 จุดทั่วประเทศ ทำให้มีเจ้าหน้าที่บริการ และจุดลงทะเบียนไม่เพียงพอ หากใช้ระบบออนไลน์มาช่วย รวมถึงนำนักศึกษามาช่วยงานเพิ่มเติมก็จะสามารถแบ่งเบาภาระงานและทำให้การลงทะเบียนมีความรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ ศูนย์ one stop service ควรนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรือ โมบายยูนิต มาไว้ที่จุดดังกล่าว เพื่อเป็นศูนย์เบ็ดเสร็จ และร่นระยะเวลาการเดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันพบว่าใช้เวลาหลายวัน อีกทั้งยังพบปัญหาเรื่องภาษาในการสื่อสาร จึงอยากทำป้ายข้อความภาษาต่างๆ ไว้ที่ศูนย์ดังกล่าวด้วย
ภาคอุตสาหกรรมเตือนแรงงานปรับตัวยุคดิจิทัล
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท. เปิดเผยว่าปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทย ยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ประกอบกับต้นทุนด้านการพัฒนาและว่าจ้างทรัพยากรมนุษย์เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการภาคการผลิตหลายราย จึงเริ่มปรับตัวมาใช้เทคโนโลยี เครื่องจักรกลและหุ่นยนต์ เพื่อการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนใกล้เคียงกัน โดยขณะนี้มีภาคอุตสาหกรรมประมาณ 30% เริ่มเปลี่ยนการใช้แรงงานคนเป็นการนำเข้าเครื่องจักรแทน โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้แรงงานจะต้องปรับตัวเพิ่มทักษะ โดยเฉพาะด้านการควบคุมกลไกการผลิตและความรู้ด้านดิจิทัล ซึ่งต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรในด้านนี้ให้ทันและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้านั้น มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายได้ว่าจ้างแรงงานในอัตราสูงกว่าอัตราขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดไว้อยู่แล้ว โดยประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก ที่ต้องมีการจ้างแม่บ้านและพนักงานดูแล
ประกันสังคม เร่งคืนสภาพผู้ประกันตน ม.39 เผยมีสิทธิแล้วกว่า 7 แสนคน
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการดำเนินงานเร่งให้ความช่วยเหลือกรณีผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน ได้กลับเข้าสู่ระบบประกันสังคมอีกครั้ง โดยมีการเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ... ตามนโยบายกระทรวงแรงงาน โดย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพ ให้ได้รับความคุ้มครองและได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดิม
ล่าสุดที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว และขณะนี้เตรียมเสนอสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป อย่างไรก็ตามตัวเลข ณ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้ประกันตนที่มีสิทธิคืนสภาพการเป็นผู้ประกันตน มาตรา 39 ทั่วประเทศ มีอยู่จำนวน 758,237 คน โดยแยกเป็นผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพเนื่องจากขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน จำนวน 657,244 คน และผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพเนื่องจากส่งไม่ครบภายในระยะเวลา 12 เดือน ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน จำนวน 100,993 คน อย่างไรก็ดีหากพระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ... มีผลบังคับใช้ ผู้ประกันตนกลุ่มดังล่าวจะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคมเช่นเดิมต่อไป
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่อยู่ใน ความคุ้มครองดูแลของสำนักงานประกันสังคมมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 1,381,055 คน ขอย้ำให้ผู้ประกันตนปกป้องสิทธิของตนเอง โดยให้ความสำคัญในการตรวจสอบการนำส่งเงินสมทบด้วยตนเองกับสำนักงานประกันสังคมอย่างสม่ำเสมอ และควรนำส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกันตนขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือภายในระยะเวลา 12 เดือน ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน จะสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 13/3/2561
ธุรกิจแม่บ้านออนไลน์บูม เรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน
การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในงานเเม่บ้าน เป็นโอกาสที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ใน จ.เชียงใหม่ รวมตัวทำธุรกิจ Start up โดยใช้ระบบออนไลน์เป็นสื่อกลาง เปิดบริการแม่บ้าน ได้รับความสนใจทั้งจากเเม่บ้านเเละเจ้าของบ้านรวมทั้งสำนักงาน
หลังมีการประกาศ พ.ร.ก.คนต่างด้าวปี 2560 ซึ่งต้องบังคับให้แรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียน กลุ่มแม่บ้านต่างด้าวก็ลดลง กลุ่มคนรุ่นใหม่ใน จ.เชียงใหม่ รวมตัวทำธุรกิจ Startup โดยใช้ระบบออนไลน์เป็นสื่อกลางเปิดบริการแม่บ้านผ่านเว็บไซต์ ซึ่งได้รับเป็นอย่างดีจากผู้ที่ต้องการมีงานและลูกค้าที่ไม่ต้องจ้างแม่บ้านประจำเพื่อลดต้นทุน
น.ส.ฐิติพรรณ บุญธรรม ชาวจังหวัดเชียงใหม่ จะออกเดินทางจากบ้านพัก พร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดและโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ตโฟนเพื่อทำหน้าที่แม่บ้านออนไลน์รับทำความสะอาดตามที่พักอาศัยของลูกค้า ที่ติดต่อใช้บริการผ่านเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน
ฐิติพรรณ ระบุว่า เธอมีอาชีพขายของตลาดนัดในตอนเย็น จึงมีเวลาว่างในช่วงกลางวัน เพื่อหารายได้เสริมและชอบงานที่ไม่มีข้อผูกมัด
ด้าน ปรียลักษณ์ น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Be Neat บอกว่า แนวคิดเริ่มต้นทำธุรกิจนี้มาจากปัญหาขาดแคลนแม่บ้านทำความสะอาด หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.รก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ทำให้กลุ่มแม่บ้านต่างด้าวลดลง อีกทั้งบริษัทและเจ้าของบ้านต้องการจ้างเป็นครั้งคราว มากกว่าทำงานประจำเพื่อลดภาระรายจ่าย จึงเกิดแนวคิดในการทำธุรกิจแม่บ้านออนไลน์ขึ้นจนได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก
ขณะนี้มีผู้สนใจจากหลากหลายอาชีพสมัครร่วมทำงานเพื่อหารายได้เสริม มากกว่า 1,000 คน ซึ่งทั้งหมดต้องผ่านระบบคัดกรอง สัมภาษณ์ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และการอบรมกฎระเบียบในการทำงานก่อนจะปล่อยออกทำงาน
หลังจากเปิดตัวแม่บ้านออนไลน์เมื่อปี 2559 ก็ได้รับความสนใจใช้บริการมากขึ้นหลายเท่าตัว จนปัจจุบันมีแม่บ้านออนไลน์ มากกว่า 1,000 คน ให้บริการในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ และคาดว่าหลังจากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะมีผู้ลดการจ้างพนักงานทำความสะอาดแบบประจำหันมาใช้งานแม่บ้านออนไลน์มากขึ้น
หมอนวดไทยทำงานในเกาหลี มีเซ็กซ์กับลูกค้า โดนแอบถ่ายแชร์ว่อนเว็บโป๊
วันที่ 13 มี.ค. “ข่าวสดออนไลน์” ได้รับการร้องเรียนจากคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีถึงการเตือนภัยหากคิดจะมาทำงานที่นี่ โดยกรณีนี้เหตุเกิดกับสาวไทยรายหนึ่งที่มีอาชีพเป็นหมอนวดไปบริการตามบ้านลูกค้าซึ่งเป็นชาวเกาหลี โดยนอกจากนวดตามร่างกายแล้ว ลูกค้าจะมีการเจรจาต่อรองขอมีเพศสัมพันธ์โดยระบุว่าจะให้เงินเพิ่ม เมื่อมีการยินยอมแล้ว ลูกค้าคนดังกล่าวกลับแอบตั้งกล้องถ่ายคลิปขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์แล้วนำไปเผยแพร่ลงเว็บโป๊ จนกลายเป็นนางเอกทางลบดังชั่วข้ามคืน
อีกทั้งยังมีรายงานว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลี มักทำตัวเป็นนายหน้า หลอกว่าจะพาไปทำงาน แต่ถ้าคนที่ชวนมาเป็นผู้หญิงแล้ว หลายคนกลับโดนบังคับค้าประเวณี หรือไม่ก็ใช้เป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายและไม่ได้จ่ายค่าแรงแต่อย่างใด
‘วิษณุ’โยน ก.แรงงานตัดสินใจ ให้ตั้งสหภาพแรงงานต่างด้าวได้หรือไม่
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 13 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแรงงานต่างด้าวเรียกร้องให้ออก พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ เพื่อจัดตั้งสหภาพแรงงาน จนเป็นห่วงกันว่าอาจทำให้มีอำนาจในการต่อรองกับผู้ประกอบการต่างๆ ในไทยได้ ว่าต้องให้กระทรวงแรงงานเป็นคนดูเรื่องนี้ ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียด และไม่ได้เป็นผู้เจรจา จึงไม่รู้ความประสงค์ของแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงจะทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เป็นการคุ้มครองแรงงานปกติ จะต่อรองอะไรก็ต่อรองภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย ในสัญญามีแค่นั้น เมื่อถามว่า ถ้ามีส่งมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการปรับแก้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตอบไม่ถูก ยังไม่เห็น
ที่มา: มติชนออนไลน์, 13/3/2561
กระทรวงแรงงานเปิดให้องค์กรเอกชนขอรับจัดสรรเงินกองทุนต่างด้าวได้แล้ว
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า กองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว กระทรวงแรงงาน จัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวการช่วยเหลือและอุดหนุนหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนที่เสนอโครงการหรือแผนงานในการดำเนินการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงาน การจัดสวัสดิการ การศึกษา การสาธารณสุข และการให้ความคุ้มครองด้านแรงงานแก่คนต่างด้าว โดยคุณสมบัติขององค์กรเอกชนจะต้องเป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย ดำเนินกิจกรรมโดยไม่มุ่งหวังผลกำไรทางเศรษฐกิจหรือมุ่งหวังผลทางการเมือง และมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการ การศึกษา การสาธารณสุข และ/หรือการให้ความช่วยเหลือด้านแรงงานแก่คนต่างด้าว
หลักฐานที่ใช้ในการยื่นขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ได้แก่
1) คำขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ
2) หลักฐานการอนุญาตให้จัดตั้งองค์กรเอกชนพร้อมวัตถุประสงค์ขององค์กร
3) หลักฐานการแต่งตั้งกรรมการพร้อมข้อบังคับขององค์กรเอกชนที่เป็นปัจจุบัน
4) ประวัติองค์กรโดยสังเขป
5) ประวัติผลงานของผู้เสนอโครงการหรือผู้รับผิดชอบโครงการโดยย่อ
6) ผลงานหรือกิจกรรมด้านการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวในช่วงปีที่ผ่านมา
7) แผนที่ตั้งองค์กร โดยให้องค์กรเอกชนที่จะขอรับการจัดสรรเงินฯ จัดทำข้อเสนอของโครงการ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินงาน ผลผลิต ตัวชี้วัด และวงเงินซึ่งมีรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่ายและแผนการใช้จ่ายเงิน เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
ทั้งนี้ โครงการที่ขอรับการจัดสรรฯ จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากส่วนราชการหรือแหล่งทุนอื่น โดยส่งเอกสารไปที่ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพฯ 10300
ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอรับการจัดสรรเงินเพื่อช่วยเหลือและอุดหนุนองค์กรเอกชนได้ทาง https://www.doe.go.th/fund สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว อาคารเล้าเป้งง้วน ชั้น 26 เลขที่ 333 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร.02-273-8773 นายอนุรักษ์ กล่าว
ขาดแคลน! "สภาเกษตรกร"ฝึกแรงงาน-ลูกเรือประมง
12 มี.ค.61 นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวในการเปิดงาน“โครงการนำร่องฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทย” ณ สำนักงานฝ่ายฝึกอบรม ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(SEAFDEC) ว่า จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการประมงที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก และนำไปสู่ปัญหาในด้านต่าง ๆ ตามมาหลายประการ เช่น สหภาพยุโรป (EU) กลุ่มประเทศคู่ค้าสินค้าประมงที่สำคัญของไทย มองว่าประเทศไทยมีการใช้แรงงานที่ไม่เหมาะสม เป็นการทำการประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal unreported and Unregulated Fishisg : IUU Fishing) มีการกดขี่ใช้แรงงานและค้ามนุษย์ (Slavery at Sea/Trafficking in Person) ส่งผลด้านลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและจะยังคงถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากประเทศคู่ค้าเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าจับตามองต่อไป (Tier 2 watch list) เป็นต้น
สภาเกษตรกรแห่งชาติได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจัดตั้งเป็นคณะทำงาน เพื่อพิจารณาหารือแนวทางจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทย แต่งตั้งคณะทำงานโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทย โดยมีหน้าที่รวบรวม สรุปข้อมูลต่าง ๆ กำหนดแนวทางจัดตั้งและดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงและจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการเผยแพร่ขยายผลการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ
โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2560 สภาเกษตรกรแห่งชาติได้จัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดนในคราวนายกรัฐมนตรีประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร ที่ จ.สงขลา ได้นำเสนอการดำเนินงานด้านแรงงานประมง ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพให้กับแรงงานไทยทดแทนแรงงานต่างด้าว เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมาจากการขาดแรงงานในปัจจุบัน และได้มีข้อสั่งการเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีให้มีการดำเนินงานตามข้อเสนอดังกล่าว ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นายสิทธิพร กล่าวต่อไปว่า ในระหว่างรอรัฐบาลพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว ในคราวประชุมคณะทำงานโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทย เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2561 ได้มีมติให้สภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมกับศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) , กรมประมง , สมาคมประมงแห่งประเทศไทย , กระทรวงแรงงาน , กรมเจ้าท่า , สำนักงานกิจการความมั่นคง และ กรมยุทธการทหารเรือ จัดทำโครงการนำร่อง “ฝึกลูกเรือประมงไทย” จำนวน 15 คน ในระหว่างวันที่ 12 มี.ค. – 1 เม.ย. 2561 ณ ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) จ.สมุทรปราการ และฝึกภาคปฏิบัติ ณ ท่าเทียบเรือแพปลาชาญวัฒนา 1 อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
โครงการนี้เป็นการนำร่องการพัฒนาแรงงานไทยตามหลักสูตรระยะสั้น ที่คณะทำงานโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกแรงงานและลูกเรือประมงไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วว่าสามารถที่จะสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมการประมงไทย และลดการขาดแคลนแรงงานและการพึ่งพาแรงงานต่างด้าวในภาคการประมง มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมของแรงงาน โดยพัฒนาแรงงานไทยให้มีศักยภาพความรู้ ความชำนาญในการทำประมง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา สถานภาพ ปัญหา อุปสรรค และกระบวนการดำเนินงาน ในประเด็นต่าง ๆ และเมื่อจบโครงการสมาคมประมงแห่งประเทศไทยจะรับเข้าทำงานโดยมีค่าตอบแทนวันละ 500 บาท รวมทั้งสวัสดิการที่จูงใจ ซึ่งจะสรุปผลโครงการเสนอให้รัฐบาลขยายผลต่อไป
สปส.เผยผู้ประกันตนตอบรับทำฟันไม่สำรองจ่าย เดือนเดียวยอดสูง 1.7 แสนครั้ง
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2561 นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึง ยอดผู้ประกันตนใช้บริการระบบทันตกรรมประกันสังคมแบบ “ไม่ต้องสำรองจ่าย” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา มียอดแล้วกว่า 171,471 ครั้ง สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้ว 114,677,698 ล้านบาท ทั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพในช่องปากของผู้ประกันตน รวมถึงความต้องการและความพึงพอใจในการเข้ารับบริการกรณีทันตกรรมของผู้ประกันตน ปัจจุบันสถานพยาบาลเอกชน/คลินิกเข้าร่วมให้บริการแก่ผู้ประกันตนจำนวน 1,417 แห่ง รวมถึงสถานพยาบาลรัฐทั่วประเทศย้ำผู้ประกันตนโปรดสังเกตป้ายสติ๊กเกอร์ที่ระบุว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ให้บริการผู้ประกันตนกรณีทันตกรรม “ทำฟัน” ไม่ต้องสำรองจ่าย โดยผู้ประกันตนใช้สิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมในอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณี อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด ให้แก่ผู้ประกันตน โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงิน วงเงินไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี
“สำหรับกรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการกรณีทันตกรรมในสถานพยาบาลที่ไม่ได้ทำความตกลงเรื่องการเบิกจ่าย ผู้ประกันตนสามารถนำหลักฐานประกอบด้วย ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองแพทย์ พร้อมสำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนมายื่นต่อสำนักงานประกันสังคมพื้นที่ / จังหวัด / สาขาทั่วประเทศ เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนตามกฎหมายประกันสังคมได้ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่วันที่เข้ารับบริการที่ระบุไว้ในใบรับรองแพทย์” นพ.สุรเดช กล่าว
นพ.สุรเดช กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนผู้ประกันตนหมั่นดูแลสุขภาพในช่องปาก และพบทันตแพทย์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอปีละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง สำนักงานประกันสังคมพร้อมให้บริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมแก่ผู้ประกันตน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการกรณีทันตกรรมแก่ผู้ประกันตนทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างไม่หยุดนิ่ง ในอนาคตจะมีสถานพยาบาลที่รองรับผู้ประกันตนกรณีทันตกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานประกันสังคมในการที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกจ้าง ผู้ประกันตน เพื่อให้ได้รับการบริการที่ดีและได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, 12/3/2561