Skip to main content
sharethis

คดีเยาวชนถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพ และตกเป็นจำเลยคดีปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ  ศาลนัดสืบพยานจำเลย ในวันที่ 13-15 มี.ค.ที่ผ่านมา ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ชี้ผู้ต้องหาที่ถูกซ้อมทรมานบังคับให้สารภาพส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ 

 
 
20 มี.ค.2561 ความคืบหน้าคดี ที่ ณัฐวัตร หรือเจมส์ ธนัฏฐิกาญจนา จำเลยที่ 1 และ อดิศักดิ์ หรือเจมส์ สีละมุด จำเลยที่ 2 อ้างว่าระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถูกทำร้ายร่างกายเพื่อให้สารภาพว่าตนกับพวกเป็นผู้กระทำผิดข้อหาปล้นทรัพย์ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ท่องเที่ยวต่างชาติชาวอิตาลี และชาวโมรอคโค ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.สามร้อยยอด ว่าทั้งสองได้ถูกคนร้ายซึ่งใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ร่วมกันทำร้ายร่างกายแล้วปล้นทรัพย์ ในวันที่ 26 ก.ค. 2559 ณ บริเวณริมถนนปราณบุรี-สามร้อยยอด หมู่ที่ 1 ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น
 
ล่าสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า ในวันที่ 13-15 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดหัวหินออกนั่งพิจารณาคดีหมายเลขคดีดำที่ ทอ.2/2560 ในวันสืบพยานจำเลยดังกล่าวได้มีการสืบพยานโจทก์ต่อ 1 ปาก หลังจากสืบพยานโจทก์ไปแล้วเมื่อวันที่ 20-23 ก.พ.2561 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวน โดยฝ่ายโจทก์ได้นำบันทึกวิดีโอซึ่งบันทึกคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลด้วย โดยทนายความจำเลยทั้งสามประสงค์นำพยานจำเลยเบิกความต่อศาลทั้งหมด 17 ปาก ได้แก่ จำเลยทั้ง 3 คน ประจักษ์พยานในวันเกิดเหตุเพื่อยืนยันสถานที่อยู่ของจำเลยทั้ง 3 คน และผู้ใหญ่บ้านที่ให้การช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลังฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
 
นอกจากนี้ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ เบิกความถึงการพิจารณาให้การช่วยเหลือช่วยเหลือคดีแม้การซ้อมทรมานที่ไม่มีบาดแผลปรากฏให้เห็นเนื่องจากเป็นการใช้ถุงพลาสติกทำให้ขาดอากาศหายใจ 
 
“ผู้ต้องหาที่ถูกซ้อมทรมานบังคับให้สารภาพส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ สภาพความเป็นจริงคือผู้ต้องหาไม่สามารถได้รับการตรวจรักษาร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเป็นอิสระ  การซ้อมทำร้ายร่างกายบริเวณช่องท้องหน้าอกไม่อาจมองเห็นร่องรอยได้ด้วยตาเปล่า การใช้ถุงพลาสติกทำให้ขาดอากาศหายใจไม่มีพยานหลักฐาน การรับฟังคำสารภาพของจำเลยในคดีอาญาจึงต้องทำความระมัดระวังอย่างยิ่ง หลักการด้านสิทธิมนุษยชนหลักฐานที่ได้จากการบังคับให้ถ่ายวีดีโอรับสารภาพนั้นห้ามไม่ให้มีการรับฟัง” พรเพ็ญ กล่าวเพิ่มเติม
 
สำหรับวันนัดสืบพยานสามวันนั้นสามารถเบิกความพยานจำเลย เบิกความได้เพียง 6 ปากเท่านั้น เนื่องจากการยืนยันที่อยู่ของจำเลยทั้งสาม การลำดับเหตุการณ์จึงต้องใช้เวลาสืบพยานจำเลยเป็นเวลานานและประจักษ์พยานเป็นจำนวนมาก ทนายความจำเลยจึงแถลงต่อศาล ว่ายังเหลือประจักษ์พยานที่สำคัญอีก 3 ปากจึงขอให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดสืบพยานจำเลยในนัดถัดไป ด้วยเหตุดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานทั้ง 3 ปากเป็นประจักษ์พยานคนสำคัญในคดีจึงเห็นสมควรให้เลื่อนคดี จึงมีคำสั่งเลื่อนนัดสืบพยานจำเลยไปอีกสักนัด ในวันที่ 5 - 6 ก.ค. 2561 เวลา 09.00น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net