Skip to main content
sharethis

ศรีสุวรรณ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบกรมการค้าภายในปล่อยให้รถมินิบิ๊กซีมาขาย ชี้อาจเข้าข่ายเป็นการผูกขาดธุรกิจ แย่งช่องทางทำมาหากินของร้านค้ารายย่อยต่าง ๆ และรถโชห่วยต่าง ๆ จนเกินไป

ที่มาภาพ เฟสบุ๊ค Srisuwan Janya

29 มี.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ที่ผ่านมา ศรีสุวรรณ จรรยาเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ภาพพร้อรายงานกรณีที่ตนเอง เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อสอบกรมการค้าภายใน กรณีปล่อยให้รถมินิบิ๊กซีมาขายสินค้าแย่งคนจน

ข้อร้องเรียนของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย  ระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏเป็นการทั่วไปในโซเชียลมีเดียว่า มีรถจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อที่ขึ้นชื่อป้ายขนาดใหญ่บนตัวรถว่า “มินิบิ๊กซี” ซึ่งเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นของบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ไปวิ่งบริการและจอดจำหน่ายสินค้าลักษณะเดียวกันกับร้านค้ารายย่อยหรือร้านโชห่วยทั่วไป และอาหารแช่แข็งมาจัดจำหน่าย พร้อมกับบริการจ่ายบิล โดยมีพนักงานแคชเชียร์ 1 คน และพนักงานขับรถ 1 คน ให้บริการแก่ลูกค้าในหมู่บ้านจัดสรรต่าง ๆ ใน จ.นครราชสีมา จ.ปทุมธานี การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการผูกขาดธุรกิจ แย่งช่องทางทำมาหากินของร้านค้ารายย่อยต่าง ๆ และรถโชห่วยต่าง ๆ จนเกินไป ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อร้านค้ารายย่อย เพราะร้านค้ารายย่อย ไม่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องเงินทุน และเครือข่ายธุรกิจ

แม้อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้สอบถามไปทางบิ๊กซีแล้ว ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นเพียงแนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ของบริษัท และอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ยังไม่ได้วางแผนทำอย่างจริงจังแต่อย่างใดนั้น แต่สมาคมฯเห็นว่าเป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะต้องติดตามตรวจสอบและสั่งระงับระบบค้าปลีกดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น เพราะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อร้านค้ารายย่อย ทำให้เกิดเกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าและบริการในพื้นที่ที่รถ “มินิบิ๊กซี” เข้าไปบริการจำหน่ายสินค้าและบริการ ซึ่งการเพิกเฉยของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการควบคุมสินค้าและบริการ ปล่อยให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ออกมาดำเนินการค้าขายโดยอ้างการทดลองตลาด โดยไม่มีใบอนุญาตการประกอบการค้าเร่ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 และไม่ได้เสียภาษีป้ายแต่อย่างใด รวมทั้งมีการดัดแปลงสภาพรถนั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และพรบ.การจนส่งทางบก พ.ศ.2522 ประกอบกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ.2551 

นอกจากนั้น รถยนต์ “มินิบิ๊กซี” ดังกล่าว มีการติดตั้งเครื่องเสียงลำโพงบริเวณหลังคารถเพื่อขยายเสียงโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการอีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ควบคุมการใช้เสียง และเครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 เสียก่อนด้วย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของหลายหน่วยงานที่ต้องเข้าไปจัดการระงับปัญหาดังกล่าว แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวกัน ทั้งๆที่กระทบต่อผู้ค้ารายย่อย

"จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนต่อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” เพื่อใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบกรมการค้าภายใน รมว.กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอแนะคณะรัฐมนตรีให้ขจัดหรือระงับความไม่เป็นธรรม และให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป" หนังสือร้องเรียนของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุ

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net