Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อปี 2557 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศาลไทย มีการนำเทคโนโลยี EM หรือกำไลข้อเท้าอิเลคทรอนิกส์มาใช้..

EM เป็นเครื่องอิเลคทรอนิกส์ รับส่งสัญญาณ GPS ติดข้อเท้าตลอดเวลา.. ทำให้รัฐรู้ตำแหน่งของคนที่ถูกติด EM ว่าอยู่ที่ไหน..

มีการนำ EM มาใช้กับจำเลยในคดียาเสพติดที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ใช้กับคดีเมาแล้วขับที่ศาลแขวงพระนครเหนือ และใช้ห้ามคนขับรถแท็กซี่ที่จะเข้าใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

ต่อมาก็มีการนำ EM มาใช้อย่างต่อเนื่องที่ศาลจังหวัดนนทบุรี และศาลเยาวชนฯ จังหวัดสกลนคร..

แต่ใช้ได้เพียง 3-4 ปี ก็ต้องยุติ เพราะเหตุ.. ไม่มีเครื่อง EM ให้ศาลใช้ 

หลังจากการใช้ครั้งแรกในปี 2557 และเลิกใช้ไปนาน.. 4 ปีต่อมา.. ในปีนี้ 2561 นับเป็นโชคดีของประชาชนที่ศาลได้นำ EM มาใช้อีกครั้งหนึ่ง .. อย่างเป็นทางการ..

แต่แม้จะมีการนำกำไลข้อเท้าฯ มาใช้เหมือนกันกับปี 2557 แต่ก็มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ.. ที่กระทบต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาอยู่มาก.. ดังจะเล่าให้ฟัง ดังนี้..

1. ปี 57.. ใช้ EM กับจำเลยที่ศาลตัดสินว่ามีความผิด.. แต่รอการลงโทษไว้ก่อนเพราะจำเลยไม่สมควรต้องถูกจำคุก.

เช่น คดียาเสพติดเล็กน้อย ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลย มีภาระต้องรับส่งลูกไปเรียนหนังสือ ต้องพาแม่ไปรักษาตัวต่อเนื่องที่โรงพยาบาล และมีอาชีพรับซื้อปลาสดไปขายที่ตลาด

ศาลเห็นว่า การจำคุกจะไม่เป็นประโยชน์ จึงให้รอการจำคุกไว้ก่อน แต่ให้จำเลยเข้ารับการบำบัด และติด EM ห้ามออกจากบ้านในเวลากลางคืนและกลางวัน เว้นแต่จะเดินทางไปรับส่งบุตร พาแม่ไปรักษา และไปขายปลาที่ตลาดเฉพาะในเส้นทางที่กำหนด

2. แต่ปี 61 นี้ ศาลไม่ได้ใช้ EM กับจำเลยที่ไม่ควรติดคุก.. แต่ใช้กับจำเลยที่ขอประกันตัวต่อศาลเท่านั้น

3. ปี 57 มีการใช้ EM กับจำเลยที่อายุไม่ถึง 18 ปีในศาลเยาวชนฯด้วย แต่ปีนี้ ไม่ใช้ EM ในศาลเยาวชนฯ เลย

4. เครื่อง EM ที่ใช้ในปี 2557 เป็นของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมจัดหามา..แต่ศาลขอยืมมาใช้

5. ปีนี้ เครื่อง EM เป็นของที่ศาลจัดหามาเอง .. ไม่ใช่ของกระทรวงยุติธรรม ส่วนของกระทรวงยุติธรรม ได้ยินมาว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดหาอยู่..

6. ปีนี้ ศาลเอา EM มาใช้กับคนขอประกันตัว ..โดยไม่ต้องหาเงินมาประกันตัว แต่ทดลองใช้ในศาลบางศาลเท่านั้น.. หากได้ผลดี จึงจะใช้ทั่วประเทศในโอกาสต่อไป..

7. การเอา EM มาใช้ในอดีตนับว่าเป็นประโยชน์ต่อจำเลย.. ที่ทำผิดไม่ร้ายแรงมาก.. และมีเหตุอันควรที่จะไม่เข้าคุก..

ทำให้เลี่ยงการถูกตีตราเมื่อออกมา..เลี่ยงการเรียนรู้สร้างเครือข่ายในการทำผิดในเรือนจำ.. ประหยัดงบประมาณในการเลี้ยงดูผู้ต้องขัง.. และความแออัดในเรือนจำได้..

8. การเอา EM มาใช้ในวันนี้ ทำให้ผู้ที่ศาลยังไม่ตัดสินว่าผิด.. และไม่มีเงินประกันตัว ต้องถูกขังระหว่างพิจารณา นับว่ามีประโยชน์มากอยู่..

แต่เสียดาย ที่จำเลยที่ศาลตัดสินแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ไม่ได้ประโยชน์จาก EM เหมือนหลายปีก่อนเลย.. น่าเสียดาย

EM มีการจำกัดเสรีภาพได้ แม้ไม่หนักหนาเท่าโทษจำคุก.. แต่ก็ได้ผลดีกับจำเลยบางคน บางพฤติการณ์..

น่าเสียดายที่ เรามีเทคโนโลยี EM ที่ศาลเอามาใช้อยู่แล้วในขณะนี้..

ถ้าศาลเอาเครื่องมาใช้กับจำเลยที่ศาลตัดสินด้วย.. ก็น่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อจำเลย ต่อผู้ต้องหา ต่อเรือนจำ ต่อองค์กร.. และต่อประเทศชาติ..

ขอฝากผู้เกี่ยวข้องไว้ด้วยครับ

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน: เฟสบุ๊ค ดร.ธีร์รัฐ บุนนาค

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net