Skip to main content
sharethis

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เรียกร้องให้ให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการนำตัวคนร้ายมาลงโทษ โดยยึดถือปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัดและห้ามซ้อมทรมาน

10 เม.ย.2561 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด 3 จุด ใจกลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนในพื้นที่ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ และขอให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการนำตัวคนร้ายมาลงโทษ โดยยึดถือปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัดและห้ามซ้อมทรมาน

แถลงการณ์ ของ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่าจากเหตุการณ์จักรยานยนต์บอมบ์ จำนวน 3 จุด ในวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจุดที่ 1 หน้าร้านนีโม่คาราโอเกะ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนประชาวิวัฒน์ ซอย 4 ต.สุไหงโก-ลก จุดที่ 2 ที่บริเวณหน้าร้านพิเชษฐ์ อาหารตามสั่ง ตั้งอยู่เลขที่ 53 ถนนประชาวิวัฒน์ ซอย 3 ต.สุไหงโก-ลก และจุดที่ 3 ที่บริเวณหลังโรงแรมพลาซ่า ต.สุไหงโก-ลก ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 รายนั้น 

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้บาดเจ็บ และผู้ที่สูญเสียทรัพย์สินจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และขอประนามคนร้ายที่ก่อเหตุใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์อันถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง ขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัดและห้ามการซ้อมทรมาน และขอให้ประชาชนช่วยกันหาพยานหลักฐานแก่เจ้าหน้าที่และเป็นหูเป็นตาระมัดระวังไม่ให้คนร้ายสามารถก่อความรุนแรงได้อีก

อย่างไรก็ตามในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายนั้นมูลนิธิฯขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด เหตุการณ์วางระเบิดในครั้งนี้มีความคล้ายคลึงเหตุลอบวางระเบิดตลาดสดพิมลชัย จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2561 ที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตถึง 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง  โดยภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คือในวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลาขณะที่กำลังทำงานอยู่ ต่อมาภรรยาผู้ต้องสงสัยได้ร้องเรียนว่ามีการข่มขู่และทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัยให้รับสารภาพระหว่างการซักถาม ญาติจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดยะลายะลา เพื่อขอยกเลิกการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการควบคุมตัวซึ่งหลังจากนั้นศาลจังหวัดยะลาได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไปเมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา

"การสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีนั้น เจ้าหน้าที่จึงควรยึดถือปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด การจับตัวประชาชนที่บริสุทธิ์ โดยปราศจากพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดแล้วใช้การข่มขู่ ซ้อมทรมานให้รับสารภาพนั้น นอกจากไม่ได้ตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษแล้วยังเท่ากับปล่อยให้คนร้ายที่แท้จริงพ้นผิดลอยนวล ไม่ได้รับการลงโทษและก่อความรุนแรงต่อประชาชนต่อไปได้อีก อีกทั้งการปราบปรามการก่อเหตุก็ไม่ใช่หนทางเดียวในการยุติความขัดแย้งทางอาวุธที่ยืดเยื้อยาวนาน" มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุข้อเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่

ขณะที่วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) พ.อ.ธนาวีร์  สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจง เหตุระเบิดดังกล่าวด้วยว่า กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ขอเป็นกำลังใจให้กับญาติและครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จำนวน  4 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์ให้กลับบ้านได้ จำนวน 9 ราย ซึ่งทางหน่วยที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาลและเยียวยาตามระเบียบต่อไป

แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยในพื้นที่เข้าควบคุมสถานการณ์ และบริหารจัดการสถานที่เกิดเหตุตามขั้นตอนของแผนรักษาความปลอดภัย รวมทั้งให้ทำการรวบรวมวัตถุพยาน และสำรวจภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุด เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกระบวนการตามกฎหมาย นอกจากนี้ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อไป  พร้อมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการช่วยกันสอดส่องดูแลวัตถุต้องสงสัย หากพบเบาะแส ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ โทร. 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รองโฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวด้วยว่า กลุ่มขบวนการมุ่งหวังเพื่อสร้างสถานการณ์ก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายให้เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีทั้งพี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิม อีกทั้งยังมีเด็กได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้ และยังทำลายบรรยากาศในการท่องเที่ยวห้วงเทศกาล ทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันประณามการกระทำที่สุดโต่ง ไร้ซึ่งมนุษยธรรม  ผิดกฎหมาย และละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จึงสมควรต้องได้รับการประณามจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net