Skip to main content
sharethis
สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุรวม 603 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 57 ราย ผู้บาดเจ็บ 626 คน ซึ่งสาเหตุเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นการดื่มแล้วขับ 43.62% และขับรถเร็ว 25.70% คสช. เผยมาตรการดื่มไม่ขับ 4 วัน ยึดรถแล้ว 7,067 คัน
 
15 เม.ย. 2561 เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่านพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2561 ถึงสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุรวม 603 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 57 ราย ผู้บาดเจ็บ 626 คน ซึ่งสาเหตุเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นการดื่มแล้วขับ 43.62% และขับรถเร็ว 25.70% 
 
ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ 79.58%  ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ขณะที่ช่วงเทศกาลมีเรียกตรวจยานพาหนะ 858,520 คัน พบผู้ถูกดำเนินคดี รวม 181,692 ราย ประกอบด้วยไม่สวมหมวกนิรภัย 50,603 ราย , ไม่มีใบขับขี่ 48,061 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดขณะนี้ยังเป็นเชียงใหม่ 34 ครั้งและก็เป็นจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดด้วย 39 คน โดยโคราช เป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 9 ราย ขยับจากเมื่อวานนี้ (13 เม.ย.) ที่มี 8 ราย
 
ขณะที่อุบัติเหตุทางถนน สะสม 4 วันตั้งแต่ 11 – 14 เม.ย.นี้ เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 2,449 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 248 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,557 คน ซึ่งจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตคือตายเป็นศูนย์นั้นเดิมวันที่ 13 เม.ย.มี 11 จังหวัด ล่าสุดขณะนี้เหลือเพียง 8 จังหวัดคือ ยะลา,ระนอง,ลพบุรี,สตูล,สมุทรสงคราม,หนองคาย,หนองบัวลำภู,อ่างทอง โดยเชียงใหม่ ยังมีสถิติเกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด 99 ครั้งและมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดด้วย 109 คน ส่วนโคราชมีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 17 ราย
 
นพ.โอภาส ระบุด้วยว่า ศปถ.ได้กำชับให้จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้นการเรียกตรวจของด่านชุมชนกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งดื่มแล้วขับ,ขับรถเร็ว,ไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ท้ายกระบะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย โดยก.สาธารณสุข ได้กำชับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ด้วยการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย รวมถึงยานพาหนะให้พร้อมเข้าถึงจุดเกิดเหตุทันที ซึ่งหากประชาชนพบเห็นหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1669 อย่างไรก็ขอความร่วมมือผู้ใช้รถ ใช้ถนนอำนวยความสะดวกแก่รถพยาบาลและรถฉุกเฉิน เพื่อให้ จนท.เข้าถึงจุดเกิดเหตุและนำส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็วซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตด้วย
 
ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าถึงการตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยด้วยว่า คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (16 เม.ย.) ประชาชนจะเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก ศปถ.จึงได้สั่งการให้จังหวัดเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยและอำนวยการจราจรบนเส้นทางสายหลัก พร้อมจัดเตรียมจุดบริการ จุดพักรถ และการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ เพื่อรองรับการเดินทางกลับของประชาชน
 
โดยนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวเตือนด้วยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 15 – 18 เม.ย. พื้นที่ทั่วประเทศอาจเกิดพายุฤดูร้อน ในลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ซึ่งสภาพถนนที่เปียกลื่น และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ไม่ดี จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน จึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย ให้ยึดการปฏิบัติตามหลัก "4 ห้าม 2 ต้อง" ได้แก่ห้ามขับรถเร็ว,ห้ามเมาแล้วขับ,ห้ามโทรแล้วขับ,ง่วงห้ามขับ และต้องสวมหมวกกันน็อก , ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความปลอดภัย  
 
คสช. เผยมาตรการดื่มไม่ขับ 4 วัน ยึดรถแล้ว 7,067 คัน
 
สำนักข่าวไทย ยังรายงานว่าพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่าตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศแจ้งเตือนพายุฤดูร้อนระหว่างวันที่ 15-18 เมษายนนี้ ซึ่งจะทำให้ทุกภาคของประเทศได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน คสช.จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนเตรียมพร้อมรับมือในการเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน และดูแลเส้นทางให้สัญจรได้ปลอดภัย  และขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสุขภาพ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในสภาพอากาศที่ร้อนเป็นเวลานานด้วย
 
ส่วนการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ของคสช.นั้น  ขณะนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง  โดย 4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถยึดรถแล้ว  7,067 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 5,019 คัน และรถยนต์ 2,048 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 16,588 ราย และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 82,589 คน รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคล 47,327 คน
 
“วันที่ 14 เมษายน เจ้าหน้าที่พบการกระทำความผิดในส่วนของรถจักรยานยนต์ 53,542  ครั้ง จำเป็นต้องยึดรถไว้ 3,148 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่  3,862 ราย  สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 37,429  ครั้ง เจ้าหน้าที่ยึดรถยนต์ 928  คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้  3,413 ราย“พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net