Skip to main content
sharethis

ศาลยกฟ้อง ’นาหว่ะ จะอือ' คดีเอี่ยวยาเสพติดเหตุวิสามัญ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ ระบุพยานหลักฐานของโจทย์สืบไม่ถึง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ขณะที่คู่คดี 'นาโถ แสขื่อ' รับสารภาพและมีการสืบประกอบคำรับสารภาพพบว่า มีความผิดตามฟ้องจริง ศาลสั่งจำคุก 25 ปี ปรับ 7.5 แสน

 

24 เม.ย.2561 มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 16.00 น.  สุรชัย มงคลสิทธิคุณ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นนั่งบรรลังก์ ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 20 อ่านคำพิพากษาในคดี อ.3631/60 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นางนาแส หรือ นาโถ แสขื่อ จำเลยที่ 1 นางนาหว่ะ จะอือ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นน้องสะใภ้นายไมตรี จำเริญสุขสกุล และผู้ดูแลนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ที่ถูกทหารวิสามัญในคดียาเสพติด และ นางนวล คำป้าง จำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนและให้การช่วยเหลือนายชัยภูมิ ในการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยถูกฟ้องในข้อหาร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด และร่วมกันสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ ประมวลกฎหมายอาญา

โดยศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 1 นางนาแส ซึ่งให้การรับสารภาพและมีการสืบประกอบคำรับสารภาพพบว่า มีความผิดตามฟ้องจริง ศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุก 25 ปี ปรับ 750,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 นางนาหว่ะ ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทย์สืบไม่ถึง จึงยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ส่วนจำเลยที่ 3 นางนวล คำป้าง ที่ไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้ เนื่องจากป่วยเส้นเลือดในสมองแตก แพทย์ระบุว่าอยู่ระหว่างทำการรักษา ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 30 พ.ค.นี้ต่อหน้าจำเลย

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่ต่อเนื่องจากการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ใช้อาวุธปืนสงครามวิสามัญจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่านายชัยภูมิขัดขืนการจับกุมและจะใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ขณะทำการตรวจค้นภายในรถยนต์พบยาบ้า 2,800 เม็ด ที่ซุกซ่อนไว้ในกรองอากาศรถยนต์เก๋งสีดำ ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส ที่นายชัยภูมิขับไป และต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และ ปปส.ภาค 5 นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นและจับกุม นางนาแส และ นางนาหว่ะ ที่บ้านกองผักปิ้ง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว โดยระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่พบในรถของนายชัยภูมิ และจับกุมนางนวล จำเลยที่ 3 ได้ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่มาตามลำดับ
 
มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า คดีดังกล่าว คำฟ้องระบุพฤติการณ์สำคัญว่า นางนวล จำเลยที่ 3 ได้สั่งซื้อยาบ้าจำนวนหนึ่งจากนางนาแส จำเลยที่ 1 โดยนางนาแสได้จัดหาและติดต่อให้นางนาหว่ะ จำเลยที่ 2 รับหน้าที่ขนย้าย ก่อนที่นางนาหว่ะซึ่งเป็นผู้ดูแลนายชัยภูมิ จะให้นายชัยภูมินำยาบ้าไปส่งให้ผู้สั่งซื้อ แต่ระหว่างลำเลียงยาเสพติดถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิต ขณะที่นางนาแส จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าที่พบภายในรถของนายชัยภูมิเป็นของตนเอง โดยมีนายชัยภูมิเป็นคนซื้อ และไม่รู้จักกับจำเลยที่ 2 ส่วน จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่พบ และจำเลยที่ 3 รับว่าเคยซื้อยาบ้าจากจำเลยที่ 1 มาเพื่อเสพแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าของกลางที่พบ
 
นักข่าวพลเมือง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานด้วยว่า นางนาหว่ะ ถูกปล่อยตัว สร้างความดีใจให้กับญาติๆ เพื่อนๆ  และเธอจะกลับบัานกองผักปิ้งเพื่ออยู่พร้อมหน้าครอบครัวอีกครั้ง ในขณะที่หลายคนยังรอผลการพิพากษาของ น.ส.ฉันทนา ป่าแส  รวมถึงความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตรกรรมนายชัยภูมิ ซึ่งจะฟังคำพิพากษาการเสียชีวิตวันที่ 6 มิ.ย.นี้ หลังจากไต่สวนพยานมาหลายฝ่ายนานกว่า 1 ปี
 
เฟสบุ๊คแฟนเพจ ถึงเวลาก้าวออกมา เผยแพร่ภาพขณะที่นาทีที่ นางนาหว่ะถูกปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่และพบหน้าครอบครัว หลังจากที่เธอถูกจับกุมในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เป็นเวลา 329 วันที่นางนาหว่ะถูกคุมขัง
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net