Skip to main content
sharethis

ราชกิจจานุเบกษาเผยคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 7/2561 สั่งยกเลิก และระงับกระบวนการสรรหาคัดเลือกคณะกรรมการ กสทช. ชี้ การคัดเลือกรอบก่อนไม่เป็นไปตามกฎหมายที่ต้องการคนมีความรู้ ความสามารถ ด้านโฆษกนายกฯ เผย คสช. เตรียมใช้ ม.44 หนุนทีวีดิจิทัล

25 เม.ย. 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 7/2561 เรื่อง การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคล เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยระบุถึงกระบวนการสรรหาครั้งก่อนหน้าว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมายที่ต้องการคนมีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ผ่านการสรรหา จึงเห็นว่าควรให้มีการระงับกระบวนการสรรหา และให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าไปพลางก่อน พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาคัดเลือกรีบหาทางแก้ไขปัญหา (อ่านรายละเอียดคำสั่งด้านล่าง)

แฟ้มภาพ

ขณะที่เมื่อวานนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม คสช.ได้พิจารณาแนวทางความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล โดยมี 13 บริษัท จาก 22 บริษัทที่ประกอบการทีวีดิจิทัล ได้มีหนังสือร้องขอมาที่ คสช. และบางส่วนส่งเรื่องไปยัง กสทช. เพื่อขอความช่วยเหลือจากการประกอบกิจการ อาทิ บางกอกมีเดีย ,ไทยรัฐทีวี ,อัมรินทร์ ทีวี , จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ 2 ช่อง ,เนชั่น ทีสี ,วอยซ์ทีวี ,เดลินิวส์ ,ทีเอ็นเอ็น 24 , สปริงนิวส์ ขณะที่ บีอีซี 3 ช่อง , อสมท 2 ช่อง ,อาร์เอส , โมโน ,ช่อง 7 และเวิร์คพอยท์ ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา สำหรับปัญหาที่พบในขณะนี้ คือ การชำระค่างวดที่เหลือ 5 งวด ตามการช่วยเหลือให้ขยายเวลาชำระก่อนหน้านี้ คือ ปี 2561 / 2562 / 2563 / 2564 และ 2565 เพื่อสภาพคล่องต่อการทำธุรกิจ ซึ่งในปี 2561 นั้น ประสบปัญหา ไม่มีงบประมาณ

พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่า ที่ประชุม คสช. ได้สรุปแนวทางเป็นมาตรการความช่วยเหลือเบื้องต้น 3 แนวทาง ประกอบด้วย

1.อนุญาตให้พักการชำระค่างวดได้ 3 งวด จาก 5 งวดที่เหลือ คือ งวดเดือน พ.ค. ปี 2561-2565 แต่จะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 1.5 ในช่วงการพักชำระดังกล่าวด้วย

2.กรณีการเช่าโครงข่ายจากระบบอนาล็อกเป็นดิจิทัลนั้น ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 3 ราย ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ไทยทีพีบีเอส ,บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5  โดย กสทช.จะให้การช่วยเหลือ คือ จ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 2 ปี

และ 3.อนุญาตให้สามารถโอนใบอนุญาตต่อได้ ทั้งนี้ต้องนำแนวทางดังกล่าวไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมที่สุด ก่อนนำเสนอหัวหน้า คสช.พิจารณาเห็นชอบออกคำสั่งมาตรา 44 ต่อไป.

คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2561

เรื่อง การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคล เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

ตามที่ได้มีการตราพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560เพื่อปรับปรุง โครงสร้างและอํานาจหน้าที่ ตลอดจนกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม รวมทั้งวิธีการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งดังกล่าว แต่โดยที่ปรากฏว่าได้เกิดสภาพปัญหาในทางปฏิบัติเป็นอย่างมาก ทําให้การสรรหาและคัดเลือกบุคคลไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ได้รับการสรรหา และคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบกับปรากฏข้อร้องเรียนเป็นจํานวนมากเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ผ่านการสรรหา เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งดังกล่าว จึงเป็นการสมควรที่จะต้องระงับ กระบวนการสรรหาและคัดเลือกไว้ก่อน เพื่อให้มีการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างรอบคอบและเหมาะสมเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลที่มีคุณสมบัติและมีความสามารถที่เหมาะสมต่อการ ปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่การปฏิรูปการกํากับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชน

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 265ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557หัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งได้ดําเนินการอยู่ในวันก่อนวันที่ คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติไว้ก่อน จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ข้อ 2 ให้กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ยังคงดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่จําเป็น ไปพลางก่อนต่อไป ตามที่กําหนดในมาตรา 42แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ในระหว่างนี้หากกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติพ้นจากตําแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ข้อ 3 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ได้รับการสรรหา และคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ และดําเนินการให้มีการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งดังกล่าวโดยเร็วต่อไป

ข้อ 4 ในกรณีที่เห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ 2 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 24เมษายน พุทธศักราช 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net