Skip to main content
sharethis

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงาน ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งพิพากษาลงโทษประหาร 6  จำเลย คดีระเบิด-ก่อการร้าย ช่วงปี 59 พร้อมสั่งคุกตลอดชีวิต 3 คน และ คุก 39 ปี 12 เดือน 1 คน ย้ำยังมีสิทธิในการยื่นขออุทธรณ์

2 พ.ค.2561 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) วันนี้ เมื่อเวลา 9.00 น. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าพร้อมด้วย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ผู้บังคับกองกำลังทหารพราน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บังคับการกองกำลังตำรวจปัตตานี และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีศาลจังหวัดปัตตานีได้มีคำสั่งพิพากษาลงโทษ 10 ผู้ต้องหาคดีระเบิดเมืองปัตตานี

โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ตามที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง มะซัน หรือฮากิบ สาและ กับพวกรวม 10 คน ในความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ก่อให้เกิดระเบิด ความผิดต่อชีวิตทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน จากคดีเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดร้านก๋วยเตี๋ยวเบิ้มนครปฐมหน้าตลาดโต้รุ่ง, ระเบิดร้าน JP เฟอร์นิเจอร์, ระเบิดเรือประมง 2 ลำ, ระเบิดหน้าร้านศรีปุตรีข้างมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี และขยายผลตรวจยึดอาวุธปืนพกและอุปกรณ์ประกอบระเบิดหลายรายการ รวม 6 คดี เหตุเกิด ในพื้นที่เทศบาลเมืองปัตตานีในห้วง มิถุนายน – ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา

2. เมื่อ 30 เม.ย. 2561 ศาลจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 10 คน ดังนี้ 2.1 ประหารชีวิต 6 คน ประกอบด้วย อิบรอเฮง ยูโซ๊ะ, อัมรีย์ ลือเย๊าะ, สันติ จันทรกุล อายุบ เปาะลี, อิสมาแอ ตุยง และนิรอนิง นิเดร์

2.2 จำคุกตลอดชีวิต 3 คน ประกอบด้วย มะซัน สาและ, อับดุลเลาะ หะยีอูมาร์ และ รูสรัน แวหะยี เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 คน ให้การที่เป็นประโยชน์แก่การพิพากษาคดี ศาลจึงลดโทษ  จากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต 2.3 จำคุก 39 ปี 12 เดือน 1 คน คือ ฮามิด เจะมะ

3. จากพฤติกรรมที่ปรากฏของจำเลยทั้ง 10 คน ที่ได้ร่วมกันก่อเหตุถึง 6 คดี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ราย และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยในห้วงที่ผ่านมาส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวของผู้สูญเสียดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้ที่กระทำความผิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับการดูแลจากกลุ่ม ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงแต่อย่างใด โดยทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น จึงขอให้ ช่วยกันดูแลบุตรหลานหรือบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด สำหรับผลคำพิพากษาตัดสินคดี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของศาล ซึ่งได้พิจารณาตามพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานแวดล้อม ที่ทำให้ศาลเชื่อว่า จำเลยทั้ง 10 คน ได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง จึงมีคำสั่งพิพากษาลงโทษดังกล่าว อย่างไรก็ตามจำเลยทั้ง 10 คน ยังมีสิทธิในการยื่นขออุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายได้กำหนดไว้


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net