ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายยาเสพติด 3 ฉบับเตรียมประสานส่งเข้าสู่ สนช. เพื่อพิจารณา เผยสาระสำคัญในกฎหมาย แบ่งยาเสพติดเป็น 5 ประเภท วัตถุออกฤทธิ์ 4 ประเภท เปิดช่องให้ใช้กัญชาวิจัยกับคนได้ อนุญาต ป.ป.ส. กำหนดพื้นที่ปลูก แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมโดยรัฐ
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2561 ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบโดยร่างกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด 3 ฉบับ ประกอบด้วย พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... , ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดมีหน้าที่ และอำนาจกำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดต่างๆ แบ่งประเภทของยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5 ประเภท และแบ่งประเภทของวัตถุออกฤทธิ์ออกเป็น 4 ประเภท กำหนดการอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ซึ่งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต และการดำเนินการในเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือ ประกาศ
นอกจร่างกฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดมาตรการควบคุมพิเศษในการป้องกัน ปราบปราม แก้ไขปัญหาและควบคุมยาเสพติด โดยกำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อาจกำหนดพื้นที่ในการทดลองเพาะปลูกพืช ที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรือผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติด
“การผ่านร่างกฎหมายนี้เป็นประเด็นสำคัญที่มีการจับตา เนื่องจากกัญชา ซึ่งเป็นสารเสพติดประเภท 5 จากที่เคยมีการอนุญาตให้สามารถปลูก สกัด และทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ยกเว้นการเสพ ทำให้ไม่สามารถวิจัยในคนได้ เมื่อ ครม.ผ่านร่างกฎหมายนี้ ก็จะทำให้สามารถศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในคนได้” พลโทสรรเสริญ กล่าว
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
เรื่อง |
สาระสำคัญ |
1. ประมวลกฎหมายยาเสพติด |
• กำหนดให้ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป • เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลใช้บังคับแล้ว ให้ยกเลิกบทบัญญัติของกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 21 ฉบับ |
2. ตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ |
• กำหนดให้ข้าราชการของสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน และกำหนดให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ |
2. ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีสาระสำคัญ ดังนี้
เรื่อง |
สาระสำคัญ |
1. การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด |
• กำหนดให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว • กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ติดตาม ดูแล และสนับสนุนให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว • กำหนดหน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ให้เป็นหน่วยงานกลางในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด |
2. การควบคุมยาเสพติด |
• กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจกำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ และสารระเหย • แบ่งประเภทของยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5 ประเภท และแบ่งประเภทของวัตถุออกฤทธิ์ออกเป็น 4 ประเภท • กำหนดการอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ซึ่งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต และการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือประกาศ • กำหนดมาตรการควบคุมพิเศษในการป้องกัน ปราบปราม แก้ไขปัญหาและควบคุมยาเสพติด โดยกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ส. อาจกำหนดพื้นที่ในการทดลองเพาะปลูกพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรือผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติด |
3. การตรวจสอบทรัพย์สิน |
• กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด |
4. กองทุน |
• กำหนดให้มีกองทุนป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการบริหารและการดำเนินการของกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. กำหนด |
5. การบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสภาพสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติด |
• กำหนดให้มีคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรการเกี่ยวกับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด รวมถึงวางแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคม การสังคมสงเคราะห์ที่จำเป็นและเหมาะสม และช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ติดยาเสพติด หรือผู้ผ่านการบำบัดรักษาให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ • กำหนดให้ผู้กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์เพื่อเสพ ซึ่งเข้ารับการบำบัดรักษาแล้ว พ้นจากความผิดฐานดังกล่าว โดยผู้กระทำความผิดสามารถสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาได้ • กำหนดให้มีศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม มีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม ดูแล ให้คำปรึกษา แนะนำ ให้ความช่วยเหลือ และสงเคราะห์แก่ผู้เข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม |
6. ความผิดและบทกำหนดโทษ |
• กำหนดความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และความผิดเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด รวมถึงโทษสำหรับความผิดดังกล่าว |
3. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
เรื่อง |
สาระสำคัญ |
1. ผู้รักษาการ |
• เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดียาเสพติด |
2. เพิ่มหน้าที่และอำนาจของกรรมการ ป.ป.ส. เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. |
• เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้นเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามียาเสพติด มีบุคคลผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งถ้าหากปล่อยให้เนิ่นช้าไป บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ทำลาย หรือสูญหาย • ค้นบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ • ค้นหรือจับกุมบุคคลใด ๆ ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด • ยึดหรืออายัดยาเสพติด หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติด • สอบสวนผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด • ตรวจหรือทดสอบหรือสั่งให้รับการตรวจหรือทดสอบว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้น มีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย • ควบคุมตัวผู้ถูกจับกรณีกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด |
3. อุทธรณ์ และฎีกา |
• กำหนดให้จำเลยต้องมาแสดงตนต่อเจ้าหนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ ยื่นคำขออนุญาตฎีกา และยื่นฎีกา |
4. การบังคับโทษปรับ |
• ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับทางปกครอง (นำไปกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายยาเสพติด) |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)