Skip to main content
sharethis

เครือข่ายศูนย์การเรียนไทยยื่นหนังสือเรียกร้องกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดออกรหัสสถานศึกษาและจัดสรรเงินอุดหนุนให้ทันฐานข้อมูลนักเรียนปีการศึกษา 2561 ก่อนวันสรุปยอดจัดสรรงบรายหัว 10 มิถุนายนนี้ เพราะจะมีผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในศูนย์การเรียนรู้ 40 แห่งเกือบ 2,000 คน

เด็กนักเรียนในศูนย์การเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ภาพถ่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 (ที่มา: ประชาไท/แฟ้มภาพ)

6 มิ.ย. 2561 อรพินท์ กุศลรุ่งรัตน์ ประธานเครือข่ายศูนย์การเรียนไทย สมาคมการศึกษาทางเลือกไทย เปิดเผยเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ว่า เครือข่ายศูนย์การเรียนไทยได้ยื่นหนังสือด่วนที่สุดถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เร่งช่วยเหลือนักเรียน 1,925 คน ใน 40 ศูนย์การเรียนที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ที่ได้รับผลกระทบหากไม่สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาในฐานข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการปีการศึกษา 2561

อรพินท์กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเรียกร้องเร่งด่วน 3 ข้อคือ 1. จัดสรรรหัสสถานศึกษาให้ศูนย์การเรียน และออกหนังสือแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ก่อนวันที่ 10 มิถุนายน 2561 2. เปิดระบบการกรอกข้อมูล เพื่อให้ศูนย์การเรียนและสถานศึกษาได้บันทึกข้อมูลนักเรียนเข้าสู่ระบบสารสนเทศกลาง ให้ทันส่งข้อมูลผู้เรียนพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 10 มิถุนายน 2561 3. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลนักเรียนในศูนย์การเรียนโดยเร่งด่วน เพื่อให้ทันการอุดหนุนในปีการศึกษา 2561

สุรพงษ์ กองจันทึก ที่ปรึกษาเครือข่ายศูนย์การเรียนไทยกล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 ระบุให้รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา ในขณะที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ก็ระบุให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น สามารถจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ ดังนั้นรัฐจึงมีหน้าที่สนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคลและองค์กรเหล่านี้อย่างเพียงพอ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นเงินน้อยกว่ารัฐจัดการศึกษาเองหลายสิบเท่า

หวังว่ารัฐโดยกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนศูนย์การเรียนทั้ง 40 แห่ง ให้ทันในปีการศึกษา 2561 ซึ่งเริ่มเปิดการศึกษาแล้ว และจะสรุปยอดนักเรียนเพื่อจัดสรรงบประมาณรายหัวในวันที่ 10 มิถุนายน 2561 นี้

สำหรับศูนย์การเรียนทั้ง 40 แห่ง เป็นศูนย์การเรียนที่จดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ยื่นขออนุญาตมีทั้งเป็นบุคคลธรรมดาและมูลนิธิ จำแนกเป็นเด็กปฐมวัย 291 คน ประถมศึกษา 977 คน มัธยมศึกษาตอนต้น 614 คน และมัธยมศึกษาตอนปลาย 43 คน รวมทั้งสิ้น 1,925 คน หลายศูนย์การเรียนที่มีชื่อเสียงและก่อตั้งมานานได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ที่ชลบุรีของนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร, หมู่บ้านเด็ก ที่กาญจนบุรีของนางรัชนี ธงไชย, ชุมชนมอวาคี ที่เชียงใหม่ของนางขันแก้ว รัตนวิลัยลักษณ์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net