Skip to main content
sharethis

ภาคประชาสังคมเรียกร้องรัฐบาลตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารบุกค้นบ้านคุกคามนักวิชาการนักปกป้องสิทธิหญิงจังหวัดชายแดนใต้ ชี้ใช้อำนาจกฎหมายอย่างขาดความระมัดระวัง และขาดความถูกต้องชอบธรรม ระบุหากพบว่ามีความผิดจริงต้องมีมาตรการเยียวยา

 

แถลงการณ์ องค์กรภาคประชาสังคมชายแดนใต้

ยุติและสอบสวนการอ้างใช้อำนาจกฎหมายพิเศษค้นบ้านพัก
ของหญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

หนึ่งในผู้ก่อตั้งคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ (POAW)

เมื่อวันศุกร์ ที่ 22 มิถุนายน 2561 มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังค้นบ้านพักนางโซรยา จามจุรี หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นนักวิชาการในสังกัดของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นักกิจกรรมด้านสิทธิสตรีคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ (POAW) รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มในการเสนอให้คู่ขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ (จชต.) สร้างและพัฒนาพื้นที่ปลอดภัย โดยให้ตกลงกันบนโต๊ะพูดคุยสันติภาพในสถานการณ์ความขัดแย้งจังหวัดชายแดนใต้

เหตุเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 15.30 น. ได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ดังกล่าวประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวน 2 คันรถ มาตรวจค้นบริเวณชุมชนและที่บ้านของนางโซรยา จามจุรี โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าอาจจะมีคนร้ายหลบซ่อนอยู่จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอมในช่วงเดือนรอมฏอนที่ผ่านมา โดยมีการตรวจค้นบ้านในบริเวณดังกล่าวประมาณสามหลัง

ทั้งนี้บ้านพักของหญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 ตามอำนาจพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (2548) และพื้นที่ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก (2457) นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2547

ตามอำนาจ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน มาตรา 11 (4) ซึ่งให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งตรวจค้น รื้อ ถอน หรือทำลายซึ่งอาตามคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งกีดขวาง ตามความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้ยุติโดยเร็ว และหากปล่อยเนิ่นช้าจะทำให้ไม่อาจระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที

ในการตรวจค้นเนื่องจากเป็นการค้นบ้านที่อยู่อาศัย เมื่อหญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนท่านนี้ ขอดูหมายค้นที่ออกโดยศาล ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เช่นเดียวกับตามหลักการในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องมีหมายค้นจากศาลในท้องที่ เช่นเดียวกับที่เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการจับกุมบุคคลก็ต้องขอให้ศาลงออกหมายควบคุมตัวที่เรียกกันว่า หมายฉฉ. เป็นต้น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาแสดงตนขอค้นเคหะสถานไม่สามารถแสดงหมายค้นของศาลตามที่หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนขอให้แสดงได้ แทนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกลับไปขอหมายศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับอ้างใหม่ว่าใช้อำนาจเพื่อค้นตาม พรบ.กฎอัยการศึก ซีงหลังจากตรวจค้นแล้วก็ไม่พบคนร้ายหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหาการบังคับใช้กฎหมายพิเศษฉบับต่างๆที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ จชต. อย่างสับสนตลอดมาดังนี้

1. กฎหมายพิเศษในพื้นที่ควรใช้อย่างระมัดระวังและให้ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด รวมทั้งยึดมั่นถึงเจตนารมณ์ โดยเฉพาะพ.ร.บ.ฉุกเฉินมีเจตนารมณ์เพื่อระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้ยุติ ไม่ใช่การติดตามค้นหาผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างสุ่มเสียงที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งสิทธิในเคหสถานโดยไม่จำเป็น

2. การอ้างอำนาจตามกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่รัฐต้องเป็นไปอย่างชัดเจนถูกต้องชอบธรรม เมื่ออ้างว่าต้องการค้นตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อถูกโต้แย้งว่าไม่มีหมายค้นจาก เจ้าหน้าที่กลับอ้างการใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษอีกฉบับหนึ่งคือกฎอัยการศึก อันเป็นการใช้อำนาจอย่างสับสน และอาจมีลักษระตามอำเภอใจ ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจซี่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย

นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้หญิง อาจเข้าข่ายการข่มขู่คุกคามและสร้างความหวาดกลัวนักกิจกรรมหญิงท่านนี้และครอบครัว บุคคลใกล้ชิด ชุมชน

โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ.2560 คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี องค์การสหประชาชาติต่อประเทศไทย ในการรายงานสถานการณ์สิทธิสตรีตามวาระของประเทศไทยที่รวมรายงานครั้งที่ 6 และครั้งที่ 7 เมื่อปีพ.ศ.2560 ในย่อหน้าที่ 30 ว่า คณะกรรมการฯ แสดงความห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า นักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้หญิง ที่ทำงานรณรงค์โดยเฉพาะเรื่องสิทธิในที่ดิน การปกป้องสิ่งแวดล้อม สิทธิชนเผ่าพื้นเมือง สิทธิของคนชนบท เลสเบียน ไบเซ็กชัล หญิงข้ามเพศ และหญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องตกเป็นเป้าหมายการฟ้องร้องดำเนินคดี การคุกคาม การใช้ความรุนแรงและการข่มขู่ที่เป็นผลจากการทำงานของพวกเธอโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและองค์กรธุรกิจ โดยมีข้อเสนอว่า ให้มีในข้อ (b) ระบุว่าให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ ดำเนินคดีและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเหมาะสมทุกกรณีที่มีการคุกคาม การใช้ความรุนแรงและการข่มขู่ หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และให้มีการเยียวยาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริงด้วย

องค์กรภาคประชาสังคมและบุคคลตามรายนามด้านล่างนี้ข้อเสนอให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคสี่ ส่วนหน้าดำเนินการดังนี้อย่างเร่งด่วน

1. ขอให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระต่อการปฏิบัติงานครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกลุ่มดังกล่าว และแสดงความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมต่อกรณีที่มีการคุกคามหญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยชอบ ใช้อำนาจสมควรแก่เหตุหรือสุจริตหรือไม่

2. หากพบว่าเป็นการข่มขู่หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ต้องจัดให้มีการเยียวยาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริงทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เกิดผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนต่อการใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษในการข่มขู่ลักษณะเช่นนี้

 

รายชื่อองค์กรและบุคคลที่ลงนาม

1. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

2. กลุ่มด้วยใจ

3. ศูนย์อัลกุรอ่านและภาษา QICC

4. มูลนิธิดารุสลามเพื่อเด็กกำพร้าจังหวัดปัตตานี

5. เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

6. มูลนิธิศักยภาพชุมชน

7. เครือข่ายชุมชนศรัทธา กัมปงตักวา

8. มูลนิธิเพื่อการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า(FECO)

9. มูลนิธินูซันตารอเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา

10. ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

11. เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ PERMATAMAS

12. มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม

13. องค์กรสันติภาพและเพื่อสิทธิมนุษย์ชน OPHR

14. เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสี่อำเภอจังหวัดสงขลา(จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย)

15. มาเรียม ชัยสันทนะ สมาคมฟ้าใสส่งเสริมสุขภาวะเด็กเยาวชนชายแดนใต้

16. แวอิสมาแอล แนแซ

17. รอฮานี จือนารา

18. ทวีศักดิ์ ปิ

19. แพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา

20. ฟารีดา ปันจอร์

21. พาฮีสะห์ ท้วมงาม

22. รอมฎอน ปันจอร์

23. สมัชชา นิลปัทม์

24. นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

25. มูฮำหมัด ดือราแม

26. อิมรอน ซาเหาะ

27. ไฟซอล ดาโอ๊ะ อาจารย์คณะรัฐศาสต์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

28. อลิสา บินดุส๊ะ

29. ชลธิชา แจ้งเร็ว

30. ดร.ฟารีดา สุไลมาน

31. ฮุสนี เบ็นหะยีคอเนาะ ผู้จัดการรร.ศาสนบำรุง

32. อิมรอน โสะสัน นักศึกษาปริญญาเอกด้านนโยบายสาธารณะ AUT University, New Zealand

33. อิสมาเเอล หมัดอาดัม. สภาเครือข่ายมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี

34. อับดุลอาซิส ตาเดอินทร์

35. ศิริพร ฉายเพ็ชร มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม

36. อันธิฌา แสงชัย ห้องเรียนเพศวิถีและสิทธิมนุษยชน ร้านหนังสือบูคู

37. อับดุลเราะมัน มอลอ รัฐศาสตร์ ม.หาดใหญ่/ สถาบันปาตานีเพื่อการวิจัยและพัฒนามนุษย์

38. เอกราช ซาบูร์ เครือข่ายมุสลิมแห่งเอเชีย

39. สุไลมาน เจ๊ะแม

40. ทัศนียา หะยีโซะ

41. ดาราณี ทองศิริ

42. ดันย้าล อับดุลเลาะ นักศึกษาปริญญาโทสาขาพัฒนาสังคม

43. รอดียะห์ บินติ อาลี สาลี นักวิชาการศึกษา

44. ซาหดัม. แวยูโซ๊ะ

45. นาดา ไชยจิตต์

46. Subaky Binkamit

47. วาสนา สาเมาะ

48. หวันมูหัมหมัด ฟาอิส เสมอภาพ

49. ฐิตินบ โกมลนิมิ

50. นารึรัตน์ สาเม๊าะ สมาคมสตรีมุสลิม สงขลา

51. รอดียะห์ บินติ อาลี สาลี นักวิชาการศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียนอิสลามศึกษา อ.แม่สอด

52. ดร.ฆอซอลี เบ็ญหมัด

53. สถาบันปอเนาะบัยตุลอิฮซาน

54. ดุลยรัตน์ บูยูโส๊ะ

55. เอกรินทร์ ต่วนศิริ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

56. มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net