Skip to main content
sharethis

3 เดือนที่แล้วจนถึงตอนนี้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาในหลายสถานศึกษาทั่วชิลีร่วมกันปฏิบัติการต่อต้านชั้นเรียนที่ถูกครอบงำทางความคิดจากระบอบปิตาธิปไตย ทั้งการยึดพื้นที่ การจัดหารืออภิปราย และการสร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงได้พูดประเด็นความอยุติธรรมของตัวเอง เรื่องนี้อาจจะมาจากความไม่พอใจจากคำตัดสินกรณีอาจารย์ล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็มีผู้คนเห็นว่าน่าจะขยายผลไปสู่ประเด็นอื่นๆ ที่กระทบจากเรื่องเพศสภาพด้วย

 
8 ก.ค. 2561 ในชิลีมีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาหญิงจากหลายสิบสถานศึกษาทั่วประเทศปฏิบัติการต่อต้านวัฒนธรรมกดขี่ข่มเหงแบบชายเป็นใหญ่ในชั้นเรียนของชิลี มีนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมหลายหมื่นคน พวกเธอเริ่มจากการทำการประท้วงยึดกุมพื้นที่ของมหาวิทยาลัยพร้อมป้ายผ้า "Toma Feminista" หรือ "การยึดกุมพื้นที่ของเฟมินิสต์" จากการประท้วงครั้งนั้นผ่านมาแล้ว 3 เดือน การเคลื่อนไหวก็ยังคงดำเนินต่อไป
 
สื่อ Toward Freedom ระบุว่าชิลีเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์การประท้วงของนักศึกษามาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งมักจะเป็นการประท้วงต่อต้านการทำให้ระบบการศึกษาออกนอกระบบกลายเป็นของเอกชนซึ่งเป็นปัญหาที่ตกทอดมาจากสมัยเผด็จการทหาร ออกุสโต ปิโนเชต์ การประท้วงครั้งนี้ก็มีที่มาจากขบวนการในอดีตแต่มีเสาหลักเป็นประเด็นสตรีนิยม
 
การเคลื่อนไหวต่อเนื่องครั้งล่าสุดนี้เริ่มต้นที่การประท้วงยึดพื้นที่อาคารคณะปรัชญาและมนุษยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออสตรัลในวัลดิเวียเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผานมาเพื่อประท้วงการจัดการของคณะในกรณีที่ศาตราจารย์คนหนึ่งถูกพบว่ามีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ อีกสิบวันหลังจากนั้นก็มีการประท้วงตามมาที่คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชิลีในซานติเอโก จนกลายเป็นการจุดฉนวนให้เกิดการเคลื่อนไหวไปทั่วประเทศ
 
สิ่งที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับพวกเธอคือกรณีการล่วงละเมิดทางเพศที่ศาตราจารย์ คาร์ลอส คาร์โมนา อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญมีส่วนเกี่ยวข้อง ทางมหาวิทยาลัยใช้เวลามากถึง 8 เดือนในการดำเนินคดีและลงโทษแค่ให้คาร์โมนาพักงานเป็นเวลา 3 เดือน โทษฐาน "ขาดคุณธรรม" ซึ่งไม่ได้ระบุถึงปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องนี้ทำให้เกิดการยึดพื้นที่ประท้วงจนกระทั่งลามไปทั่วสถานศึกษาอื่นๆ ของชิลี
 
มิลลาเรย์ ฮัวคิมิลลา โฆษกของกลุ่มยึดพื้นที่อธิบายว่าโดยส่วนหนึ่งแล้วพวกเขาต้องการเน้นให้เห็นถึงปัญหาเรื่องการพยายามใช้ "ยาแก้ปวดชั่วคราว" ดำรงระบบปิตาธิปไตย แต่ไม่ได้จัดการปัญหาจริงๆ พวกเขาต้องการให้มีการรับผิดชอบต่อความรุนแรงทางเพศผ่านทางกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย จากที่ถึงแม้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะมีหลักเกณฑ์เหล่านี้ แต่นักศึกษาก็มองว่ายังไม่ดีพอ พวกเขาต้องการให้สร้างระเบียบและหลักสูตรในแบบที่ไม่มีการเหยียดเพศ และมีความละเอียดอ่อนต่อเรื่องเพศสภาพและเพศวิถี
 
ทั้งนี้ ในการประท้วงแต่ละแห่งก็ยังมีประเด็นนำที่ให้ความสำคัญสูงสุดในแบบของตัวเองอยู่ มีจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่สำหรับนักเรียนนักศึกษาได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายและทางจิตใจ สำหรับหลายแห่งข้อเรียกร้องหลักๆ คือการให้สถานศึกษายอมรับความแตกต่างหลากหลายของเพศสภาพและเพศวิถี บางแห่งก็มีประเด็นเรื่องขอให้นักเรียนนักศึกษาที่มีลูกระหว่างเรียนยังคงศึกษาต่อไปได้
 
นอกจากจะเป็นการต่อสู้เพื่อให้ผู้มีอำนาจในมหาวิทยาลัยรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของตัวเองแล้ว การประท้วงยึดพื้นที่ในครั้งนี้ยังกลายเป็นพื้นที่สำหรับการสะท้อนความคิดของผู้เข้าร่วมและพื้นที่การมีส่วนร่วมทางประชาธิปไตย จากการที่พวกเขาต้องการมีส่วนร่วมในการร่างเอกสารร้องเรียนในกระบวนการที่เน้นความเป็นหมู่คณะและเป็นไปในแนวระนาบ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการตัดสินใจผ่านการโหวตลงมติแบบประชาธิปไตยด้วย
 
ก้าวแรกของขบวนการนี้เริ่มจากการให้ผู้เข้าร่วมได้พูดถึงประสบการณ์การถูกเหยียดเพศมาก่อน รวมถึงสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับระบบวัฒนธรรมที่ทำให้เกิดการเหยียดเพศเช่นนี้ ในสถานศึกษาบางแห่งยังมีการจัดงานวันเกี่ยวกับสตรีนิยมที่มีตั้งแต่การฝึกซ้อมป้องกันตนเอง การเวิร์กช็อปการเย็บปักถักร้อยในเชิงแสดงออกต่อต้าน การเดี่ยวไมโครโฟนสตรีนิยม การอภิปรายกันเรื่องสังคมนิยมสตรีนิยม การจัดแข่งฟุตบอลในแบบที่ไม่มีวัฒนธรรมแบบชายเป็นใหญ่มาครอบงำ และบทเรียนเรื่องกายวิภาคอวัยวะเพศ
 
คาทาลินา ซานเชซ โฆษกของวิทยาลัยสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูทีเอ็มที่เข้าร่วมโครงการนี้พูดถึงเรื่องที่การรวมกลุ่มปรึกษาหารือสตรีนิยมที่เธอเข้าร่วมทำให้เกิดสายสัมพันธ์แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับครอบครัวเธอ ทำให้เธอรู้สึกตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัว คาทาลินายังเน้นย้ำถึงเรื่องที่พวกเธอมาจากแหล่งคนยากจนที่เป็นคนชายขอบของสังคมเธอพูดถึงว่ากลุ่มคนยากจนต้องเผชิญกับความรุนแรงที่มีพื้นฐานจากการเหยียดเพศอย่างไรบ้าง และวิจารณ์ว่าการเคลื่อนไหวบางส่วนยังคงละเลยเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางชนชั้นในหมู่ผู้หญิงด้วย สำหรับคาทาลินาแล้ว สตรีนิยมควรจะท้าทายทุนนิยมที่มีการกดขี่ทางเชื้อชาติและชนชั้นด้วย
 
ถึงแม้การประท้วงจะขยายตัวไปตามที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัย แต่ผู้ที่เชี่ยวชาญประเด็นเพศสภาพก็บอกว่าพวกเขาจะต้องขยายผลการเคลื่อนไหวต่อไปนอกมหาวิทยาลัยด้วย ลูนา โฟลเลกาตี นักประวัติศาสตร์ที่เน้นศึกษาเรื่องประเด็นเพศสภาพกล่าวว่าเธอเห็นด้วยที่ขบวนการสตรีนิยมในชิลีควรขยายผลออกไปให้มากกว่าเรื่องนโยบายการศึกษาแบบไม่มีการเหยียดเพศ โดยควรจะขยายไปสู่การท้าทายประเด็นสังคมอื่นๆ อย่างสุขภาวะ ที่อยู่อาศัย สวัสดิการ ซึ่งผู้หญิงอยู่ในสภาพสุ่มเสี่ยงมากกว่าในประเด็นเหล่านี้
 
การประท้วงของนักเรียนนักศึกษา ทำให้เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เซบาสเตียน ปิเนรา ประกาศให้มี "วาระของผู้หญิง" ซึ่งจะเป็นการออกมาตรการสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชายในหลายประเด็น เช่น เรื่องสุขภาวะ เรื่องการถูกล่วงละเมิด เรื่องการดูแลเด็ก แต่มาตรการของประธานาธิบดีก็จะส่งผลดีแค่กับผู้หญิงส่วนน้อยที่เป็นชนชั้นมีอันจะกินเท่านั้นแต่ไม่ได้ส่งผลดีกับผู้หญิงที่เป็นแรงงานและมีงานทำแบบไม่ประจำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย อีกทั้งฮัวคิมิลลายังวิจารณ์ว่าเป็นมาตรการที่ออกมาเพียงเพื่อให้ผู้หญิงยอมตามระบบตลาดเท่านั้น แต่ทางรัฐไม่ได้ยอมรับประเด็นของผู้หญิงเอง
 
ในขบวนการประท้วงของนักศึกษาชิลีในปัจจุบัน บ้างก็มีการยกเลิกการเคลื่อนไหวไปแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่เพิ่งเข้าร่วม ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าขบวนการเคลื่อนไหวจะพัฒนาไปในทิศทางใดต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือขบวนการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากในระดับไม่เคยมีมาก่อนและทำให้ผู้คนได้เห็นปัญหาความรุนแรงจากฐานเรื่องเพศสภาพ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าประสบความสำเร็จในแง่ของการท้าทายบทบาททางเพศแบบที่ถูกครอบงำจากบรรทัดฐานแบบรักต่างเพศ (heteronormative) และที่สำคัญที่สุดคือการสามารถสร้างพื้นที่ใหม่เพื่อสะท้อนจินตนาการการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
 
ในขณะที่ประธานาธิบดีฝ่ายขวายังคงกุมอำนาจอยู่ ขบวนการเคลื่อนไหวชุดนี้ถือเป็นการต่อต้านเชิงวัฒนธรรมที่ส่งผลดีและอาจจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดของแรงบันดาลใจให้เกิดปฏิบัติการในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากชิลี
 
 
 
เรียบเรียงจาก
 
An Unprecedented Wave of Feminist Civil Disobedience Sweeps Chile, Toward Freedom, 02-07-2018

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net