Skip to main content
sharethis

มติ สนช. เห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่ง กกต. 5 รายชื่อ แต่ตีตก 2 รายชื่อ 'อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรฯ กับอดีตผู้ว่าฯ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า' ขณะที่ รองนายกฯ วิษณุ เชื่อ 5 คนก็สามารถเตรียมเดินหน้าจัดการเลือกตั้งได้ ส่วนอีก 2 ที่นั่งที่ว่างอยู่ ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้การทาบทามหรือไม่ แต่กฎหมายไม่ได้ห้าม

แฟ้มภาพ

12 ก.ค. 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จำนวน 7 คน ประกอบด้วย มาจากการสรรหาโดยกรรมการสรรหาฯ 5 คน คือ ศาสตราจารย์ สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี / สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ / อิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และอดีตเอกอัครราชทูต กรุงโนโรบี สาธารณรัฐเคนยา และกรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ / พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี บุรีรัมย์ ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช / ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ลำปาง และเป็นอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) ส่วนที่มาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามี 2 คน คือ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ ปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา

ภายหลังการประชุมลับเพื่อพิจารณารายงานประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และลงคะแนนลับ ปรากฏว่า

ศาสตราจารย์สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 178 คะแนน ไม่เห็นชอบ 20 และงดออกเสียง 3 

อิทธิพร บุญประคอง ได้รับคะแนนเห็นชอบ 186 ไม่เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 5 

ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ได้รับคะแนนเห็นชอบ 184 ไม่เห็นชอบ 12 งดออกเสียง 

ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ได้รับคะแนนเห็นชอบ 184 ไม่เห็นชอบ 11 งดออกเสียง 6

และปกรณ์ มหรรณพ ได้รับคะแนนเห็นชอบ 185 ไม่เห็นชอบ 10 และงดออกเสียง 6 

โดยทั้ง 5 คนได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่คือ 123 คะแนนขึ้นไป จึงถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง

ส่วน สมชาย ชาญณรงค์กุล ได้รับคะแนนเห็นชอบ 3 ไม่เห็นชอบ 193 งดออกเสียง 5 และพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ได้รับคะแนนเห็นชอบ 28 ไม่เห็นชอบ 168 งดออกเสียง 5 ซึ่งได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงถือว่าไม่ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง.

ทั้งนี้การลงมติให้พิจารณาผู้สมควรดำรงตำแหน่ง กกต. ในครั้งถือเป็นการลงมติเป็นครั้งที่ 2 นับจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยในครั้งแรกนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2561 สนช. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำรง กกต. โดยมีมติไม่เห็นชอบผู้สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน ได้แก่

ประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผวจ.หลายจังหวัด มีคะแนนไม่เห็นชอบ 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86

เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14

ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)  มีคะแนนไม่เห็นชอบ 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17

อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีคะแนนไม่เห็นชอบ149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21

ชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16

ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา มีคะแนนไม่เห็นชอบ 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26

ปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา มีคะแนนไม่เห็นชอบ 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29

โดยเหตุผลที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกคน แม้ทุกคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากสนช.เห็นว่างานของกกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่มีภารกิจสำคัญเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งสมาชิกสนช.ส่วนมากยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน และยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ ในส่วนผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน อาจมีปัญหาเรื่องที่มาการสรรหาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ แม้สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่ากระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่สนช.เกรงว่าจะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยในภายหลัง ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายตามมา ดังนั้น สนช.จึงอยากได้คนใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจที่ดีที่สุด 

ทั้งนี้ผู้ที่สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. ชุดใหม่นี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 33 คน มีผู้ผ่านคุณสมบัติ 24 คนซึ่งได้เข้าสัมภาษณ์ และแสดงวิสัยทัศน์รายบุคคล กับคณะกรรมการสรรหา กกต

คณะกรรมการสรรหา กกต. ประกอบด้วย

ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นกรรมการ
ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ
บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง ได้แก่ ศาสตราจารย์เจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์ เป็นกรรมการ
บุคคลซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้ง ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ลิ่มมณี เป็นกรรมการ
บุคคลซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแต่งตั้ง ได้แก่ ประเสริฐ โกศัลวิตร เป็นกรรมการ
และบุคคลซึ่งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแต่งตั้ง ได้แก่ วิโรจน์ จิวะรังสรรค์ เป็นกรรมการ


สำหรับกรณีได้รับความเห็นชอบไม่ครบ 7 คนนั้น วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า หากยังมี กกต. ไม่ครบ 7 คนก็ยังสามารถทำงานได้ และให้สัมภาษณ์หลังจากทราบผลการลงมติในวันนี้ว่า การมี กกต. ใหม่แล้ว 5 คนก็สามารถที่จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ ส่วนตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ แม้กฎหมายจะเปิดโอกาสให้ให้สามารถทาบทามตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งได้ วิษณุเห็นว่า เรื่องนี้อาจจะยังใหม่กับสังคมและไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้นจึงไม่ควรเพราะดุลพินิจที่จะบอกว่าให้ใช้วิธีทาบทามตัวถือว่าล่อแหลมมาก แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามอะไร
 

เรียบเรียงจาก: เว็บข่าวรัฐสภา ไทยรัฐออนไลน์

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net