Skip to main content
sharethis

'นคร มาฉิม' อดีต ส.ส.พิษณุโลก ขออุบหลักฐาน 'ประชาธิปัตย์' สมคบล้ม 'ทักษิณ' ระบุรอเปิดในชั้นศาล แย้ม 'เพื่อไทย' ชวนเข้าพรรคบอกอุดมการณ์เดียวกัน ชี้ไม่ควรมีระบบทหารเรียกปรับทัศนคติแล้ว เผยถูกค้นบ้านกล่อมกลับพรรคเดิม ด้าน 'แรมโบ้อีสาน' ระบุแกนนำ นปช. สู้เพื่อตำแหน่ง ไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย


นายนคร ฉิมมา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จ.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์

29 ก.ค. 2561 MGR Online รายงานว่านายนคร มาฉิม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้แสดงหลักฐานว่าใครร่วมกันล้มสองพี่น้องตระกูลชินวัตร ว่าตนยืนยันทุกอย่างจริง จะเปิดก็ต้องไปเปิดที่ศาลเห็นเขาขู่จะฟ้อง พร้อมเปิดทุกอย่างในชั้นศาล ตนฝากไปถึงพี่น้องฝ่ายการเมือง พี่ๆ น้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนเคารพรักเหมือนเดิม ว่าปลายลูกธนูของตนต้องการพุ่งเป้าไปที่ใจกลางของระบอบเผด็จการ ไม่ต้องการมาเสียเวลาสาละวนโต้เถียงไปมา นี่ขนาดตนปิดช่องว่าเอาไว้ ไม่เปิดทั้งหมดเขาก็จะมาเล่นตน ด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีก ที่ถามว่า ทหารคนไหน ตุลาการคนไหน ใครบ้าง พวกเขารู้อยู่แก่ใจ ถ้าไม่อย่างนั้นจะนำไปสู่กระบวนการในการยึดอำนาจได้อย่างไร ตนถามกลับย้อนไปว่า ทำไมพรรคถึงบอยคอตการเลือกตั้ง หลักฐานถ้าอยากจะได้ ที่ขู่ร่ำๆจะฟ้องก็ให้ฟ้องมา ตนจะขอหมายศาลออกหมายเรียกไปทุกกลุ่มทุกฝ่ายเอาประวัติศาสตร์การเมืองมากางกันบนโต๊ะเลยว่าใครทำอะไรต่างๆซึ่งมันปรากฏชัดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเคยถูกทหารเชิญไปปรับทัศนคติ 2 ครั้ง แต่ขอนำสื่อเข้าไปด้วยแต่ไม่ได้รับอนุญาต และให้นายทหารโทรมาขอยกเลิกนัด ที่ผ่านมามีทหาร ตำรวจมาค้นบ้าน ซึ่งทหารได้บอกผ่านทีมงานตนว่า อยากให้กลับไปอยู่ในสังกัดพรรคเดิม ไม่ต้องไปต่อสู้โต้แย้ง กลับไปเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาล แต่ถ้าไปอยู่ฝ่ายเพื่อไทยเป็นเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็เหนื่อยหน่อย

นายนคร กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้มีบารมีในพรรค กล้าประกาศต่อสาธารณะ และกล้ายืนยันชัดๆไหมว่า เลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็จะไม่เอานายกฯคนนอก ไม่เอาพวก คสช. มาเป็นนายกฯ เอาให้ชัดได้ไหม ว่าอย่างไรก็จะล้างระบอบเผด็จการด้วยกัน ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.มาเป็นนายกฯ มาร่วมกันล้างมรดกบาปด้วยกัน กล้าประกาศต่อสาธารณะหรือไม่ ถ้ากล้าประกาศประชาชนจะให้โอกาสประชาธิปัตย์ รวมถึงตนจะยอมคำนับให้ แต่หากไม่กล้าประกาศ เท่ากับทรยศประชาชน มันมีอะไรแฝงถึงไม่กล้า ถ้าอ้ำๆอึ้งๆกั๊กๆ มันไม่แฟร์กับประชาชน แล้วเหตุผลอะไรประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้งมาสองครั้ง แล้วทั้งสองครั้งถูกทหารยึดอำนาจทุกครั้ง อะไรมันคือคำตอบละ ประชาธิปัตย์ต่างหากที่จะต้องมาชี้แจง

นายนคร กล่าวอีกว่าขอถามกลับไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไมต้องมีการบอยคอร์ดการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง และทำไมทหารจะต้องเข้ามายึดอำนาจทั้ง 2 ครั้ง มันคืออะไร ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนเป็นศัตรูกับระบอบเผด็จการ และเครือข่ายของเผด็จการ ตนไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงมาเดือดเนื้อร้อนใจอะไร

“ผมขอชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมกับกับฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อสู้และล้างระบอบเผด็จการ พรรคประชาธิปัตย์กล้าบอกต่อสาธารณะได้หรือไม่ว่าจะไม่เอานายกฯ คนนอก และพร้อมร่วมกันล้างมรดกบาปของคสช. ล้างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการชุดนี้ให้หมดไปได้หรือไม่”

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะไปอยู่สังกัดพรรคเพื่อไทย นายนคร กล่าวว่า ตนยอมรับว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บางท่านของพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่สามารถขยับอะไรได้ ซึ่งผู้ใหญ่ได้ทาบทามมายังตนว่า ถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน ก็มาร่วมต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตยมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้หรือไม่ โดยตนได้ตอบไปว่าถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน และต่อต้านเผด็จการเราก็มาร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง เช่น เข้าข้างรัฐบาล หรือสนับสนุนรัฐบาล หรือสนับสนุนคนนอกเป็นนายกฯ ตนก็ไม่ขอเข้าร่วมด้วย

เมื่อถามว่า หลังจากนี้หากมีทหารติดต่อเพื่อเชิญไปพูดคุย หรือปรับทัศนคติ พร้อมหรือไม่ นายนคร กล่าวว่า ความจริงไม่ควรมีพฤติการณ์แบบนั้นแล้ว ตนเคยถูกเชิญให้ไปปรับทัศนคติ 2 ครั้ง แต่ตนได้ขอนำสื่อเข้าไปด้วย ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้ และให้นายทหารโทรมายกเลิกนัด

“ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าได้เคยมีทหารมาตรวจค้นที่บ้านของผม ซึ่งทหารได้บอกผ่านทีมงานของผมว่าอยากให้ผมกลับไปอยู่ในสังกัดพรรคเดิม ไม่ต้องไปต่อสู้โต้แย้ง กลับไปเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล แต่ถ้าไปอยู่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ก็เหนื่อยหน่อย”

'แรมโบ้อีสาน' ระบุแกนนำ นปช. สู้เพื่อตำแหน่ง ไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย

เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่านายสุภรณ์​ อัตถาวงษ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 29 ก.ค. 2561 ช่วงหนึ่งว่าการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย มันไม่มีใครหรอกไม่ว่าฝ่ายไหนเสื้อสีไหน ก็ต้องมีครอบครัวทุกคน มันต้องมีชีวิต ต้องกินข้าวทุกคน ดังนั้นแล้วจะมาบอกว่า สู้เพื่ออุดมการณ์ถวายชีวิต ไม่สนใจครอบครัว ไม่สนใจลูกเมีย ไม่สนใจตัวเอง มันไม่มี มันเป็นไปไม่ได้ การต่อสู้ทุกคนก็หวัง เอ้าคนนี้อยากเป็นรัฐมนตรี อยากมีตำแหน่ง อยากให้ผู้ใหญ่สนับสนุน ต่อรองกันเยอะแยะ ตนรู้หมด มีแต่ตนที่เห็นคนเขาต่อรองกัน สู้แล้วเรียกร้องผลประโยชน์ สู้แล้วเรียกร้องตำแหน่ง 

“ผมเห็นหมด ผมรู้หมด พอไม่ได้ก็งอแง ตั้งท่าจะอาละวาด ตั้งท่าจะโกรธไม่พอใจ ตั้งท่าจะตั้งก๊วนจัดมุ้ง ตั้งท่าจะแตกแถวออก ตั้งท่าจะโวยวายว่าสู้แล้ว มีการรับปากแล้วจะให้เป็นรัฐมนตรีแล้วมาไม่ให้เป็น เรื่องเหล่านี้มีหมด เราเห็นหมดในวงการ เห็นทุกอย่าง แล้วก็จะได้ดีไม่กี่คนที่ต่อรอง คนที่ต่อรองเท่านั้นถึงจะมีอำนาจ คนไม่ต่อรองก็ไม่ได้อะไร แล้วนิสัยผมไม่ใช่คนต่อรอง”นายสุภรณ์​กล่าว

นายสุภรณ์​กล่าวว่าตนเห็นสัจธรรมหลายอย่าง ก็บอกว่ามันไม่ใช่แล้ว เพราะเห็นหมด ตนอยู่มานานตั้งแต่ก่อตั้งไทยรักไทย เห็นทุกอย่างว่ามันไม่ได้เป็นไปตามระบบที่อาวุโส ความเหมาะสม คุณธรรม บางคนมาพรรคทีหลัง ย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เป็นรัฐมนตรีเลย แล้วหลักการอยู่ตรงไหน บางคนเคยย้ายออกไปจากไทยรักไทย แล้วไปดึงกลับมา ก็ให้ตำแหน่ง แบบนี้คืออะไร แล้วคนที่เขาสู้แทบตาย ที่ไม่ได้หมายถึงตน แต่หลายคนในพรรคที่เขาทุ่มเทให้พรรค ก็ควรให้เขา แต่ไม่ใช่เพราะพอถึงเวลา ก็มีคนในพรรคจัดสรรปันส่วนกัน ดูว่าใครสนิทสนมกัน ใครเอาใจผู้ใหญ่ในพรรคได้ คนนั้นก็มีโอกาสได้ดิบได้ดี แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เราก็เก็บสุมๆๆ สุมมา ว่าเราเองไม่เคยเรียกร้องอะไร แต่เขามองค่าเราแค่เศษธุลีดิน แม้กระทั่งการมาต่อสู้บนเวที นปช.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net