กรมชลประทานคาดน้ำล้น Spillway เขื่อนแก่งกระจานสี่ทุ่มคืนนี้ (5 ส.ค. 2561) มวลน้ำก้อนนี้จะถึง อ.เมือง จ.เพชรบุรี เช้าวันที่ 7 ส.ค. รับมือประสานป้องกันภัยเต็มที่ เตือนประชาชนแนวแม่น้ำเพชรบุรีเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
5 ส.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายกฤษดา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ ขอให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ประสบภัยได้เรียกประชุมคุณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อพก.) เพื่อจัดทำแผนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเป็นระบบโดยกำหนดพื้นที่และหน่วยงานรับผิดชอบประจำพื้นที่ให้ชัดเจนรวมทั้งการส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความช่วยเหลือตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนและสถานการณ์ในพื้นที่ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดด้วย
“กระทรวงเกษตรฯมีความห่วงใยเกษตรกรทั่วประเทศเนื่องจากมีพื้นที่ประสบอุทกภัยหลายจังหวัดแล้ว อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศว่า ตั้งแต่ 5-9 ส.ค.จะมีฝนตกชุกและตกหนักในหลายพื้นที่ อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มได้ หน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ในทุกพื้นที่จึงต้องประสานงานกับทางอำเภอและจังหวัด อีกทั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) และในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกัน บรรเทา และเยียวยาเกษตรกรที่อาจได้รับความเดือดร้อน” นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฏา กล่าวด้วยว่าเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้สั่งการด่วนที่สุดนื่องให้กรมชลประทานแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ทราบสถานการณ์การระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ตลอดจนเขื่อนต่างๆ ในเส้นทางแม่น้ำเพชรบุรีไปจนถึงออกทะเล ให้ประชาชนทราบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง เนื่องจากขณะนี้มีการเร่งระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานที่มีปริมาณใกล้เต็มความจุและคาดการณ์ว่า น้ำจะล้นทางระบายน้ำล้นของเขื่อน(Spill Way )ในวันนี้ (5 ส.ค.) รวมทั้งเขื่อนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้งสถานการณ์น้ำในจังหวัดใกล้แม่น้ำโขง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานสั่งการเจ้าหน้าที่ทุกสำนักโครงการชลประทานในพื้นที่ที่จะเร่งพร่องน้ำออกจากเขื่อนรายงานสถานการณ์น้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อเตรียมแผนช่วยเหลือประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่เขื่อนแก่งกระจานซึ่งน้ำมากกว่า 97% ของความจุอ่างแล้ว ขณะที่ยังมีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง คาดว่า น้ำจะล้นอาคารระบายน้ำล้น (Spill Way) ลงสู่แม่น้ำเพชรบุรีและจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น กรมชลประทานจึงเร่งพร่องน้ำหน้าเขื่อนเพชรบุรีและผันน้ำเข้าระบบคลองชลประทานให้เต็มศักยภาพ พร้อมกับเปิดทางน้ำระบายจากคลองส่งน้ำลงคลองระบายน้ำ คลองธรรมชาติ ลงอ่าวไทยให้เร็วที่สุดโดยเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 30 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 44 เครื่อง ตลอดแม่น้ำเพชรบุรีจนออกทะเลให้เสร็จภายในวันนี้อีกทั้งยังเพิ่มเส้นทางการระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยโดยใช้คลอง RMC3 ระบายน้ำผ่านคลอง D9 ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำแม่น้ำเพชรบุรี นอกจากนี้ยังได้เตรียมพร้อมรถขุดตัก หรือ แบ็คโฮประจำไว้ในพื้นที่ 7คัน กรณีมีความจำเป็นต้องขุดเปิดเส้นทางน้ำซึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำที่อาจล้นตลิ่งลงสู่พื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรด้านท้ายน้ำได้มาก
สถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานที่มีน้ำเต็มความจุ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ได้คำนวณปริมาตรน้ำที่ไหลเข้าอ่างที่ยังมากกว่าการระบายน้ำออกจึงคาดว่าน้ำจะเริ่มล้น Spillway เขื่อนแก่งกระจานในวันที่ 5 ส.ค. 2561 เวลา 22.00 น. การไหลของน้ำที่ล้น Spillway จะไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแน่นอน อีกทั้งปริมาณที่ไหลผ่าน Spillway ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ ปรับขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อย เพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้น ต้องใช้ช่วงเวลาเวลาระยะหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่าน Spillway เต็มที่
“น้ำที่ล้น Spillway เขื่อนแก่งกระจานต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงจึงจะไหล ไปถึงเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งเขื่อนเพชรบุรีจะสามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนน้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรีต้องใช้เวลา 12 ชั่วโมงกว่าจะถึงอำเภอเมืองเพชรบุรี นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีที่พื้นที่ใต้เขื่อนแก่งกระจานไม่มีฝนตกและ ไม่มีน้ำท่าสะสม ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีจึงมีน้อยมาก สามารถรับน้ำได้อีก 150 ลูกบาศก์เมตรวินาที หรือวันละ13 ล้านลูกบาศก์เมตร”อธิบดีกรมชลประทานกล่าว
สิ่งสำคัญที่สุดคือ กรมชลประทานได้เตรียมการป้องกันน้ำท่วม อ.เมือง จ.เพชรบุรี โดยใช้บทเรียนจากปี 2559 และ ปี 2560 โดยก่อนเข้าฤดูฝนได้เสริมคันกั้นน้ำ แม่น้ำเพชรบุรี ตรวจความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดฝนตกหนัก ได้ขนย้ายเครื่องมือเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ไปยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดน้ำท่วม อีกทั้งพร่องน้ำโดยเร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำ และ เครื่องสูบน้ำ จากทุกหน่วยงาน รวมทั้งตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำโดยติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง จึงมั่นใจว่า จากความร่วมมือของทุกหน่วยงานครั้งนี้จะทำให้การร่วมกันแก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้มา
เตรียมอพยพ 7 หมู่บ้านภูทับเบิก เสี่ยงดินถล่ม
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่า จ.เพชรบูรณ์ เตรียมอพยพ 7 หมู่บ้านภูทับเบิก เสี่ยงดินถล่ม หลังเกิดดินเลื่อนไหลและถนนทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบบางจุดดินทรุดกว่า 2 ม. ด้านปลัดอำเภอสั่งเฝ้าระวัง ตลอด 24 ชม. หากฝนตกหนักจะอพยพชาวบ้านทันที
ถนนทางขึ้นภูทับเบิก แหล่งท่องเที่ยวดังใน จ.เพชรบูรณ์ น่าเป็นห่วง หลังเกิดดินเลื่อนไหล และถนนทรุดตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณีซึ่งลงพื้นที่ประเมินความเสี่ยง ยังไม่ชี้ชัดว่าถนนเสี่ยงอันตรายมากน้อยเพียงใด แต่มวลดินขนาดใหญ่กว่า 120,000 ตารางเมตร โอกาสจะเลื่อนไหลลงมาทั้งแผงได้ตลอดเวลา หากมีฝนตกลงมาซ้ำอีก ล่าสุดพบว่าบางจุด ดินมีการทรุดตัวไปแล้วถึงกว่า 2 เมตร ด้านปลัดอำเภอเผยขณะนี้มีพื้นที่เสี่ยงภัยเหนือจุดที่ดินทรุดตัว 2 หมู่บ้าน และด้านล่างอีก 5 หมู่บ้าน ขณะนี้สั่งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าฝนตกหนักเพียง 50% ก็จะอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ทันที
นครพนมแจ้งนายอำเภอเฝ้าระวังน้ำป่า
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสานยังวิกฤติ ทั้งนครพนม บึงกาฬ โดยสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ พร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย ส่วนที่เขื่อนปราณบุรี กรมชลประทาน สั่งพร่องน้ำในเขื่อน เพื่อรองรับน้ำจากเทือกเขาตะนาวศรี
10 อำเภอของจังหวัดนครพนมที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ สถานการณ์น้ำท่วมน่าห่วง หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยามีหนังสือแจ้งว่าระหว่างวันที่ 5- 8 สิงหาคมนี้ จะมีร่องมรสุมพาดผ่าน ส่งผลให้ทุกภาคมีฝนตกเพิ่มขึ้นและหนักเป็นบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ทางจังหวัดนครพนมจึงได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2561 ถึงนายอำเภอทุกอำเภอ ให้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนสถานการณ์น้ำที่ บริเวณประตูระบายน้ำลำน้ำอูน อำเภอศรีสงคราม พบว่าปริมาณน้ำอูนไหลลงไปสมทบกับลำน้ำสงครามช้าลง และมีชาวบ้านประสบภัย 26 ราย ส่วนลำน้ำก่ำ พื้นที่รองรับมวลน้ำจากหนองหาร จังหวัดสกลนคร พบว่ามีปริมาณน้ำสะสมอยู่ถึง 123% ประกอบกับน้ำโขงหนุนการระบายน้ำที่ประตูธรณิศนฤมิต ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ตั้งแต่ อำเภอวังยาง นาแก ปลาปาก เรณูนคร และธาตุพนม รวมครัวเรือน 13,724 คน
ส่วนที่จังหวัดบึงกาฬ สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีน้ำเหนือจากจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคายไหลมาสมทบ ทำให้ภาพรวม ปริมาณน้ำสะสม ทรงตัว เหลืออีก 30 เซนติเมตรจะถึงจุดวิกฤติ และส่วนใหญ่อยู่ในแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งที่ยังพอรับได้ แต่มีบางช่วงเป็นปากห้วยที่ไม่มีเขื่อนกั้น ทำให้น้ำไหลย้อนเข้าไปท่วมพื้นที่การเกษตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬได้มอบหมายให้ทุกอำเภอเข้าไปสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมเตรียมนำเครื่องสูบน้ำ 3 ตัว รถเคลื่อนย้าย 2 คัน เรือ 2 ลำ มาประจำการเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 บึงกาฬ ยังได้นำสิ่งของพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงพระราชทานไว้ให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ยังความปลาบปลื้ม ที่ทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัย
พร่องน้ำเขื่อนปราณบุรีวันละ 8.7 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลจากเทือกเขาตระนาวศรี ลงเขื่อนจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนปราณบุรี อยู่ที่ 311 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 80 จากระดับความจุรับน้ำ ทั้งหมด 391 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำสูงท่วมเกาะกลางหน้าสปิลเวย์เกือบมิด กรมชลประทาน อนุมัติให้พร่องน้ำออก วันละ 8.7 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน จนกว่าน้ำในเขื่อนจะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 70 ของความจุ หรือประมาณ 270 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้สามารถรองรับน้ำที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำที่ปล่อย จะลงสู่คลองส่งน้ำสายใหญ่ และแม่น้ำปราณบุรี โดยได้มีการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ แม่น้ำปราณบุรี และตลาดสี่แยกปราณบุรี ให้พร้อมรับสถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้น