Skip to main content
sharethis

ลุงตู่ใจดีมีเมตตา นั่งรถมาทำเนียบ เห็นหมาถูกทิ้งบนเกาะกลางถนน ก็เอามาปรารภในที่ประชุม ครม. จนมีคนใจบุญรับไปเลี้ยง

ตอน ครม.สัญจรอุบลฯ ชาวบ้านก็ชื่นชม ลุงตู่น่ารัก ใจดี เป็นกันเองกับทุกคน จนกลุ่มสามมิตรคุยฟุ้ง คนอีสานรักลุงตู่เหมือนรักทักษิณ

เห็นไหม นิตยสารไทม์เอาไปเทียบสฤษดิ์ได้ไง คนไทยไม่รู้จักสฤษดิ์น้อย คนไทยเรียกลุงต่างหาก

เราไม่ได้อยู่ใต้ระบอบเผด็จการโบราณ ซึ่งใช้อำนาจดิบๆ จับคนไปยิงเป้า จับคนเข้าคุก เราอยู่ในระบอบเผด็จการโดยลุง ซึ่งทำตัวเหมือนญาติผู้ใหญ่ ด้านหนึ่งดุ ขึงขัง ห้ามต่อต้านห้ามวิจารณ์ ใครด่าชกปาก แต่ถ้าใครยอมศิโรราบก็เป็นลุงใจดี แถมมีบทบาทมัคนายก หรือครูใหญ่ ยืนหน้าเสาธงสอนศีลธรรม หิริโอตตัปปะ ค่านิยม บ่นสังคมวุ่นวายหนอขัดข้องหนอได้ทุกวัน

เกือบ 50 ปีจากยุคสฤษดิ์ถนอม สังคมไทยไม่ได้หยุดนิ่ง ถึงไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เราก็รับเอาวัฒนธรรมประชาธิปไตยบางอย่าง สิทธิเสรีภาพบางเรื่อง จากการต่อสู้ผลักดัน จากอิทธิพลตะวันตก รวมไปถึงกระแสโลกเช่น รักสัตว์ รักสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต เข้ามาผสมปนเปอยู่ในสังคมที่ความคิดอนุรักษนิยมครอบงำ

เผด็จการลุงทหารในยุคปัจจุบัน ก็รู้จักปรับตัวเอาใจกระแสสังคม โดยเฉพาะกระแสคนชั้นกลาง เราจึงเห็นเผด็จการรักสัตว์ รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างทางจักรยาน แบนไขมันทรานส์ แถมยังจะออกกฎหมายคู่ชีวิต เอาใจ LGBT นี่ก็เพิ่งให้บัตรประชาชนไทยปู่คออี้ โห รัฐบาลเลือกตั้งมีอย่างนี้ที่ไหน

แต่ในขณะเดียวกันก็ทวงคืนผืนป่า ไล่ปู่ออกจากป่า ไล่คนจนจำนวนมากมาย ไม่ต่างกับ กทม.จัดระเบียบ กวาดล้างหาบเร่แผงลอย 2 หมื่นกว่าคน แต่ลุงไม่เห็น เห็นแต่หมาน่าสงสารอยู่บนเกาะกลางถนน

ถามว่าลุงใจดีกับเผด็จการอันไหนเกิดก่อนกัน เด็กก็ตอบได้ ปืนมาก่อน กุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้ แล้วค่อยใจดีผ่อนผัน 4 ปี คสช.คือการฝึกการซ่อม ให้ประชาชน 60 กว่าล้านในค่าย เข้าใจว่าคุณต้องยอมสูญเสียอำนาจและเสรีภาพบางอย่าง อยู่ในโอวาท เชื่อฟัง ทำตัวดีๆ แล้วลุงจะใจดี อย่างน้อยก็ไม่เกรี้ยวกราดแสดงอารมณ์

คนส่วนใหญ่ก็จะค่อยๆ ตระหนักว่า ถ้าคุณไม่ซ่า ไม่ชู 3 นิ้วแบบไผ่ ดาวดิน หรือคนอยากเลือกตั้ง ไม่วิจารณ์ คสช.แบบพรรคอนาคตใหม่ พิชัย นริพทะพันธุ์ หรือหมวดเจี๊ยบ ก็ไม่ถูกเรียกตัว ไม่ถูกคุกคาม

สื่อมวลชน นักวิชาการ ก็จะค่อยๆ เรียนรู้ว่ามีสิ่งที่คุณวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ทีละอย่างสองอย่าง สามอย่างสี่อย่าง จนเป็นเจ็ดแปด เก้าสิบ ร้อยอย่าง แต่ถ้าไม่แตะเรื่องที่ห้าม ก็ยังด่าโน่นด่านี่ได้ เช่นด่านักการเมือง ชาวบ้านทั่วไปตามโลกออนไลน์ ก็เรียนรู้เหมือนกัน ไม่อยากเดือดร้อนก็วิจารณ์ดารา ด่าครูปรีชา ด่าครูเบี้ยวหนี้ ด่าเด็กเบี้ยวหนี้ หรือด่าคนหมิ่นตลาดล่าง ดราม่าได้ทุกวัน

อย่ายุ่งกับการเมือง อย่าทวงอำนาจ ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่เขาครองอำนาจไป แล้วคุณจะรู้สึกว่าบ้านนี้เมืองนี้มีสิทธิเสรีทุกอย่าง ก็ทำมาหากิน ใช้ชีวิตชิกๆ ชิลๆ ไม่เห็นเดือดร้อนอะไรกับระบอบเผด็จการ

พูดอีกอย่าง 4 ปีที่ผ่านไปคือการทำให้ทุกคน “อยู่เป็น” จนลืมไปว่าในอดีต เราเคยมีเสรีภาพมากกว่านี้

เผด็จการลุงใจดี ยังชูภาพลุงมีแต่ให้ ให้คำสั่งสอนอบรมไง เช่นสอนให้ประชาชนสำนึกในหน้าที่ ต้องรู้จักอดทน พึ่งตนเอง เสียภาษี อย่าเป็นหนี้ แล้วลุงจะพักหนี้ให้ อย่าหวังพึ่งประชานิยม ประกันราคา จำนำข้าว แล้วลุงจะจำนำยุ้งฉางให้ กลุ่มสามมิตรยังเอาไปคุย เกิดมาไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนแจกเงินคนจนเดือนละ 200-300 บาท ไม่ใช่ประชานิยม นี่ไทยนิยมต่างหาก หมู่บ้านละ 2 แสนรับไป

เปล่า ไม่ได้ดัดจริต ไม่ใช่หาเสียง แต่เผด็จการลุงทหารกำลังบอกชาวบ้านว่า นี่ไง ถ้ามีสำนึก เจียมตัวเจียมใจ รัฐบาลก็จะช่วยสงเคราะห์ จะให้ไม่น้อยกว่าทักษิณ แต่อย่าคิดแบบยุคทักษิณ ว่านี่เป็นผลจากการใช้อำนาจอธิปไตยเลือกรัฐบาล นี่เป็นสิ่งตอบแทนการเชื่อฟังต่างหาก

นั่นคือระบอบลุงใจดี ที่พยายามจะสืบทอดไปอยู่ในระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีเลือกตั้งพิธีกรรม โดยยังไม่วายขู่ว่า ถ้าไม่สงบไม่มีเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนอยู่เป็น ยอมรับระบอบที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ มีสิทธิเลือกตั้งภายใต้อำนาจองค์กรอิสระ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ส.ว.แต่งตั้ง และรัฐพันลึก

 

ที่มา: www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1402492

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net