Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

 

“ ลำไผ่ชายป่าเสียดสี

กลั่นก่อบทกวีไร้ที่หมาย

ไร้ประเทศเขตแดนพังทลาย

ยามดอกไม้บันเทิงเริงระบำ ”

 

ปลายฝนปี 2560 กลางหุบเขาฝนโปรยไพร เทือกเขาบรรทัด รอยต่อระหว่างจังหวัด พัทลุง-นครศรีธรรมราช เช้าวันเสาร์ดำเนินไปตามปกติ สายลม แสงแดด ยังคงมาตามนัด สายหมอกทักทายหยอกล้อกับทิวเขา พร้อมกับปกคลุมผืนน้ำ ไอเย็นยะเยือกส่งกลิ่นหอมหวานของธรรมชาติ หลังจากฝนตกหนักมาทั้งคืน ถนนลูกรังทางเข้าหมู่บ้านลื่นและเป็นสีน้ำตาลเข้ม แดดเช้าส่องลอดผ่านใบยางพาราที่ค่อยๆผลิใบรับสายฝนตามฤดูกาล หน้าบ้านพ่อนั่งจิบกาแฟกับเพื่อนบ้านสองสามคน เท่าที่ผมได้ยิน คงเป็นเสียงลุงจิต ลุงเอียด และพ่อ ในวงสนทนาน่าจะเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่นที่ฤดูเลือกตั้งกำลังจะมาถึง แต่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แม่กำลังทำกับข้าวหอมฉุยในครัว แกงส้มปลากดกับทอดไข่เจียวและเคยจีแน่นอน ผมดมกลิ่นได้ แล้วม้วนตัวในผ้านวมผืนโปรดต่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน    

ผมปิดผนึกซองจดหมาย จ่าหน้าซองด้วยบทกวีบทหนึ่ง ลงชื่อผู้ส่งเป็นผมเอง และลงชื่อผู้รับเป็นผมอีกคนหนึ่งในอนาคต ราวกับว่ามีบุรุษไปรษณีย์นั่งไทม์แมชชีนไปส่งจดหมายให้ผมได้ สองวันที่ผ่านมาผมหมกมุ่นอยู่กับหนังสือสองเล่ม คือ “เดินสู่อิสรภาพ” ของ ประมวล เพ็งจันทร์ กับ “แผ่นดินอื่น” ของ    กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ หลังอ่านสองเล่มนี้จบเมื่อคืนผมจึงตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นยันเช้า

พี่เทา เด็กหนุ่มในหมู่บ้าน วิ่งแตกตื่นขึ้นมาจากในคลองหลังบ้าน แกรีบจนลืมผูกเรือไว้กับตอไม้ริมตลิ่ง รู้ตัวอีกทีเรือแกก็ถูกพัดออกไปกลางลำคลองเสียแล้ว

“ลุงจิต ลุงจิต เมียลุงถูกงูกัด ไปช่วยหน่อย ป้าณีถูกงูกัดอยู่ริมสวนยางฝั่งคลองนู้น เรือผมน้ำมันหมดพายไปไม่ไหว” พี่เทาพูดด้วยเสียงอ่อนล้า สีหน้าซีดเซียว

“งูกะปะเหรอ” ลุงเอียดพูดแทรกขึ้นมา

ทุกคนในวงสนทนาไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เพราะในสวนยางพารามีงูกะปะอยู่เยอะแยะไปหมด ผมม้วนผ้านวมห่อตัวยืนดูอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน แสงแดดเริ่มส่องเข้มขึ้น  

“หม้ายๆ เห็นเขาว่างูบองหลา” พี่เทาพูดด้วยภาษาใต้ชัดถ้อยชัดคำ

ท่าทีของวงสนทนาเปลี่ยนไป ทั้งพ่อ ลุงจิต และพี่เทา กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปที่เรือ ส่วนลุงเอียดเดินนำไปตัดไม้ไผ่ก่อนแล้ว เห็นแกบอกว่างูบองหลาแพ้ไม้ไผ่ ทุกคนรู้ดีว่าพิษของงูบองหลา หรืองูจงอางนั้นร้ายแรงแค่ไหน ผมรีบวิ่งตามลงไปด้วย

 

ถึงข้าพเจ้าในปี 2600

“ตอนนี้คุณคงอายุประมาณ 60 ต้นๆ ข้าพเจ้าขอเรียกสรรพนามแทนว่า “คุณ” แม้คุณจะเป็นตัวข้าพเจ้าเอง และรู้จักข้าพเจ้าดีก็ตาม แต่ข้าพเจ้ายังไม่รู้จักคุณเลย มิหนำซ้ำยังมีหน้าเขียนจดหมายมาถามคุณถึงสามข้อ ดังที่แนบท้ายจดหมายฉบับนี้ โปรดตอบอย่างจริงใจ และก่อนตอบโปรดทบทวนว่าคุณเองยังเชื่อว่า Hope is the only thing stronger than fear อยู่อีกหรือไม่”

ด้วยรัก...และหวังว่าจะยังมีชีวิตตอบจดหมายฉบับนี้กลับมา

หากข้าพเจ้าเป็นตัวละคร "งู" ในหนังสือเรื่อง "เดินสู่อิสรภาพ" ของ ประมวล เพ็งจันทร์ ข้าพเจ้าจะทำเช่นไร? คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ ไผ่ ดาวดิน ชายหนุ่มผู้ยืนหยัดต่อสู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน ถูกจับด้วยข้อหามาตรา 112 ยุคสมัยนี้ "ความกลัว" ครอบงำปกคลุมไปทั่วขณะ ข้าพเจ้ามิทราบแน่ชัดว่าระหว่าง "ผู้พยายามทำให้กลัว" กับ "ผู้ถูกทำให้กลัว" ใครมีความกลัวครอบงำมากกว่ากัน? ในหนังสือเรื่องเดินสู่อิสรภาพ ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ บันทึกเรื่องราวระหว่างการเดินทางโดยการ "เดิน" จากเชียงใหม่ สู่ เกาะสมุย บ้านเกิด อัดแน่นไปด้วยมุมมองทางปรัชญา ข้าพเจ้าพึ่งอ่านจบไปเมื่อคืนนี้เอง

ฉากหนึ่งในเรื่อง ผู้เขียนบรรยายสภาวการณ์เผชิญหน้ากับความกลัวที่มาจาก "งู" โดยผู้เขียนก็ไม่สามารถสรุปได้เหมือนกันว่าระหว่างผู้เขียน "ประมวล เพ็งจันทร์" กับ "งูตัวนั้น" ใครมีความกลัวมากกว่ากัน ช่างเหมือน "ข้าพเจ้า" และ "เพื่อนร่วมยุคสมัย" ในตอนนี้เสียเหลือเกิน เรากลายเป็นอื่นไปแล้วบนแผ่นดินของเราเอง ในยุคที่ “ความรักและความกลัว” พยายามแยกเราออกจากแผ่นดินเกิดอย่างบ้าคลั่ง

พ่อขับเรือประมาณ 15 นาที พวกเราก็เจอป้าณีนั่งอยู่ริมคลอง ถือท่อนไม้เปื้อนเลือดยาวราวๆ 2 เมตร อยู่ในมือ มีชาวบ้านมาถึงก่อนพวกเราสามสี่คนมุงดูป้าณีอยู่

“ฉันคิดว่าวันนี้ต้องตายแน่ ไอ้บองหลามันตัวใหญ่มาก เกิดมาไม่เคยเห็น” ป้าณีเล่าไปพลางกำไม้ในมือไว้แน่น

“จะวิ่งก็ไม่กล้าวิ่ง กลัวมันฉกจากข้างหลัง โชคดีที่มีท่อนไม้อยู่ใกล้ๆ” แกพูดไปก็เอาไม้ในมือเขี่ยงูบองหลาที่นอนแน่นิ่ง ถูกแกตีที่หัวจนเกือบขาดไป

“มันน่าจะลงมากินน้ำ แล้วมาเจอพี่พอดี ถือว่าฟาดเคราะห์ไป” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ลุงจิตผู้เป็นสามีช่วยพูดเรียกขวัญอีกแรงหนึ่ง

“เห็นเขาตะโกนกันลั่น ผมก็คิดว่าป้าโดนงูกัดซะอีก” พี่เทาพูดไปหัวเราะไป เมื่อเหตุการณ์เริ่มเป็นปกติก่อนแยกย้ายหลายๆคนก็ถ่ายรูป และเซลฟี่กับซากงูตัวนั้นกลับไป

ผมยืนนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คุณว่าในท้ายที่สุดของการเผชิญหน้าระหว่าง "คน" กับ "งู" จะเกิดอะไรขึ้น?

แน่ล่ะ! เรากลัวงูทำร้ายเราจน "ตาย" เราเลยชิงตีงูเสียก่อน จะได้ไม่มีโอกาสทำร้ายและเป็นภัยแก่เรา แน่ล่ะ!!! มันเป็นวิธีการที่ง่ายและดีที่สุด เพื่อความ "มั่นคง" ในชีวิตของเราต่อไป คุณว่าไหม? ท้ายที่สุด "งูตาย" จากความกลัวของเรา อ้าว? มันก็เป็น "ความตาย" เหมือนกันนี่?  แต่โชคดีหน่อย "งู" ไม่สามารถมีเหตุผลเป็นของตัวเองได้ บนดาวสีน้ำเงินดวงนี้ ดวงที่มีชื่อเล่นว่า "โลกมนุษย์" หรือ "โลกของมนุษย์" มนุษย์อย่างเราๆท่านๆจึงไม่มีความผิด ฉะนั้น "ความตายของงู" จึงไม่เท่ากับ "ความตาย"

หรือเรากำลังลดทอนความเป็น "สิ่งมีชีวิต" ของงู อยู่นะ? เพื่ออะไร? เพื่อสร้างความชอบธรรมในการ "ฆ่า" อย่างนั้นหรือ? งูจะกลัวเราบ้างไหมนะ? หรือที่มันชูคอชูแม่เบี้ยขึ้นมาก็เพราะกลัวเราทำร้ายมันและแค่ปกป้องตัวเองตั้งแต่แรก?

เรากับงูใครมีความกลัวมากกว่ากัน? ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความสงสัยและคำถาม แต่คำถามของข้าพเจ้าจะมีความสำคัญอะไรกัน เพราะข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจึง "ห้ามถาม" ในประเทศนี้อยู่แล้วนี่

[ … "งู" เป็นพิษภัยสำหรับ "คน" เสมอในทัศนะ (ไม่นับกรณีที่เอา "งู" มาคล้องคอถ่ายรูปเล่นตามห้างนะครับ เพราะ  "งู" พวกนั้นมีประโยชน์กับ "คน" อย่างน้อยๆก็สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆที่บางตัวก็เป็น "งูพิษ" จากป่านั่นแหละ แต่เป็นตัวที่ "คน" ตีไม่ตายครั้งก่อน มันบาดเจ็บ จึงพอเอามาฝึกให้ "เชื่อง" ได้) ... ] ผมโพสต์ข้อความนี้ลงเฟซบุ๊ก

“อย่าคิดเข้าข้างงูเลย” จู่ๆแม่ก็พูดขึ้นมากลางวงข้าว ผมคิดว่าแม่คงเห็นสเตตัสเฟซบุ๊กผมแล้ว

หลังจากจัดการเรื่องงูกับป้าณีเสร็จ ผมกับพ่อก็รีบกลับมาที่บ้านเพราะสายจนเกือบจะเที่ยงแล้ว แม่รอกินข้าวอยู่ ปิดเทอมนี้ผมกลับมาอยู่บ้านสองอาทิตย์ เลยมีเวลานั่งหาบทความเกี่ยวกับเรื่อง “งู” มาอ่านเพิ่มเติม

ไม่เคยได้ยินเรื่องเล่า "ชาวนากับงูเห่า" เหรอ ยายเล่าให้ฟังบ่อยๆนี่ตอนเด็กๆ ยังไง "งู" มันไม่ดีหรอก เลี้ยงไม่เชื่อง ดูอย่าง "งูเห่า" เป็นตัวอย่างสิ ไม่สำนึกบุญคุณ ยังแว้งฉกชาวนาตายได้เลย... ฉะนั้น "งูตัวอื่นๆ" ก็ไม่ต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมงู กล่าว

ถ้าหากข้าพเจ้าเป็นตัวละคร "งู" ในเรื่อง "เดินสู่อิสรภาพ" ข้าพเจ้าจะทำเช่นไร? เมื่อทบทวนความเป็นไปในยุคสมัยที่ "ความกลัว" ถูกครอบงำปกคลุมไปทั่วขณะ ข้าพเจ้าเริ่มทราบแน่ชัดแล้วว่าระหว่าง "ผู้พยายามทำให้กลัว" กับ "ผู้ถูกทำให้กลัว" ใครมีความกลัวครอบงำมากกว่ากัน

โปรดรับรู้ไว้ "ความกลัวของท่าน" จองจำสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเรา ...ท่านอยากให้ประวัติศาสตร์จารึกท่านแบบไหนใน “โลกมนุษย์” ใบนี้ ท่านเป็นผู้ตัดสินใจ งูบองหลา กล่าว

            ...

ขอโทษทีข้าพเจ้าลืมเรื่องที่จะถามไปหมดแล้ว

ไว้จะเขียนจดหมายมาหาใหม่

 

 

เกี่ยวกับผู้เขียน: นลธวัช มะชัย (Nontawat Machai) สมาชิกกลุ่มลานยิ้ม นักศึกษาการละคร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลางปี 2560 กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558  หรือที่เรียกกันว่าคดี “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” จากการจัดกิจกรรมประชุมวิชาการนานาชาติด้านไทยศึกษา ปัจจุบันยังคงเรียนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัยพร้อมกับทำงานอยู่ที่หอประวัติศาสตร์ประชาชนภาคเหนือ เฮือนครูองุ่น มาลิก (สวนอัญญา) มูลนิธิไชยวนา เชียงใหม่

 

หมายเหตุ: เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รางวัลชนะเลิศและเผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือ “โลกมนุษย์” สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net